ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง” ที่ “BBB+” และคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday August 7, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์และความสามารถในการดำรงสถานะทางการตลาดจากการขยายขนาดสินเชื่อ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนอันดับเครดิตยังประกอบด้วย สถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ในตลาดเฉพาะกลุ่มของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากลักษณะสินเชื่อของบริษัทที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจแม้ลักษณะของสินเชื่อประเภทนี้จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็ตาม ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทมีอุปสรรคจากกฎระเบียบการกำหนดเพดานการกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีความสามารถในการกระจายแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในตลาดเฉพาะกลุ่มสำหรับยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ต่อไปได้ การมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงและระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ดี โดยคาดว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่น่าจะให้การสนับสนุนต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะปรับอายุของสินทรัพย์และหนี้สินให้มีความสอดคล้องกันมากขึ้นโดยการกระจายกำหนดการชำระหนี้ของเงินกู้ยืมให้หลากหลายขึ้น

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ในจำนวนสินเชื่อรวมของบริษัทเอเซียเสริมกิจลีสซิ่งนั้น จำนวน 85.4% เป็นสินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเอง โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2554 และ 2553 ที่ระดับ 84.6% และ 85.2% ตามลำดับ ในขณะที่สัดส่วนสินเชื่อลีสซิ่งและแฟคตอริ่งของบริษัทในเครือที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด คือ บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ระดับ 10.5% และ 3.6% ตามลำดับ สินเชื่อรวมของบริษัทขยายตัวมากถึงระดับ 28.8% จาก 17,686 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 เป็น 22,786 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 หลังจากหยุดชะงักลงจากเหตุอุทกภัยในปี 2554

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้าโดยรวมของบริษัทอยู่ในระดับต่ำเนื่องมาจากลักษณะของสินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ การกระจายตัวของส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในด้านผลิตภัณฑ์ของสินเชื่อได้ด้วย โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 สินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยคงค้างประกอบด้วยรถยนต์นั่งและรถกระบะจำนวน 33.2% รถตู้ 23.8% รถบรรทุก 34.9% รถแท็กซี่ 6.3% รถโดยสาร 0.2% และสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์มาขอสินเชื่อใหม่อีก 1.6% โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าสินเชื่อสำหรับยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก รถตู้ และรถแท็กซี่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ส่วนผสมของสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อื่น ๆ ที่เน้นการให้สินเชื่อสำหรับรถยนต์นั่งและรถกระบะ ดังนั้น เพื่อลดทอนความเสี่ยงที่สูงกว่า บริษัทจึงใช้กลยุทธ์ในการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อเน้นสินเชื่อเฉพาะผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อยเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

แม้สินเชื่อของบริษัทจะดูเหมือนมีความเสี่ยงที่สูงกว่า แต่อัตราส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระมากกว่า 3 งวด) ต่อสินเชื่อรวมยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น การมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และนโยบายการอนุมัติสินเชื่อแบบระมัดระวังจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทสามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 1.42% ในปี 2552 เป็น 0.89% ในปี 2553 วิกฤตการณ์อุทกภัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ได้ส่งผลต่อคุณภาพสินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อย โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับเพิ่มจาก 0.43% ในปี 2553 เป็น 0.61% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สำหรับสินเชื่อลีสซิ่งและแฟคตอริ่งของบริษัทกรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีสได้ปรับตัวดีขึ้นในปี 2554 ส่งผลให้บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม ณ สิ้นปี 2554 ที่ระดับ 0.88% อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวมปรับลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 0.83% ณ สิ้นปี 2555 และ 0.79% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 การปรับลดลงดังกล่าวมีผลบางส่วนจากการที่บริษัทขยายฐานสินเชื่อค่อนข้างมากในช่วงปีที่ผ่านมา

การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสินเชื่อรถยนต์ยังมีผลกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทและผู้ประกอบการรายอื่น ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยรับได้รับแรงกดดันจากภาวะการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาระดับต้นทุนทางการเงินจากการใช้เงินทุนเพื่อขยายสินเชื่อจากการกู้ยืมระยะสั้นในสัดส่วนที่มากขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและภาระการตั้งสำรองสินเชื่อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรปรับเพิ่มขึ้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวขึ้นมากเป็น 2.36% ในปี 2555 จากระดับ 1.97% ในปี 2554 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปรับเป็น 17.61% ในปี 2555 จาก 16.58% ในปี 2554

บริษัทได้รับประโยชน์ด้านแหล่งเงินทุนจากการมีสถานะเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงเทพ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ดังกล่าวถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการให้กู้ยืมแก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันของสถาบันการเงิน โดยกฎเกณฑ์ดังกล่าวจำกัดจำนวนเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องของธนาคาร กฎเกณฑ์ดังกล่าวจำกัดความยืดหยุ่นทางเงินของบริษัทและประโยชน์จากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงจากธนาคารกรุงเทพ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถกระจายแหล่งเงินทุนไปยังสถาบันการเงินอื่นและตลาดทุนซึ่งรวมถึงการออกตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ โดยเก็บวงเงินคงเหลือจากธนาคารกรุงเทพไว้เป็นแหล่งเงินทุนสำรองเพื่อลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 บริษัทระดมทุนผ่านตั๋วแลกเงินคิดเป็น 40.2% ของเงินกู้ยืมรวม เพิ่มขึ้นมากจาก 27.1% ในปี 2554 การระดมเงินผ่านตั๋วแลกเงินช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้ อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว การระดมทุนผ่านตั๋วแลกเงินจะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เก่า เนื่องจากตั๋วแลกเงินจัดเป็นตราสารทางการเงินที่มีความอ่อนไหวต่อสภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวของบริษัทลดทอนลงจากการมีกระแสเงินสดจากการชำระค่างวดของลูกค้าและวงเงินสำรองที่เพียงพอต่อความต้องการเงินทุนของบริษัท โดยทริสเรทติ้งหวังว่าบริษัทจะเตรียมวงเงินสำรองที่เพียงพอสำหรับชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่มีอยู่

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีการใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นในสัดส่วนที่มากขึ้นเพื่อควบคุมต้นทุนทางการเงิน ประกอบกับมีเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวนมากที่ครบกำหนดในปี 2556 ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่สอดคล้องกันของอายุสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 เงินกู้ยืนระยะสั้นและส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทที่ครบกำหนดชำระใน 1 ปีมีจำนวนมากถึง 91.1% ของเงินกู้ยืมทั้งหมด แม้ว่าบริษัทจะชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดโดยการกู้ยืมใหม่ด้วยเงินกู้ระยะยาว ทริสเรทติ้งก็คาดหวังว่าบริษัทจะกระจายวันครบกำหนดของเงินกู้ยืมระยะยาวให้หลากหลายขึ้นซึ่งจะช่วยให้มีความสอดคล้องในด้านอายุของสินทรัพย์และหนี้สินที่ดีขึ้น อีกทั้งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระยะยาวด้วย การเพิ่มทุนในปี 2555 ช่วยให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 15.4% ในปี 2555 จาก 11.6% ในปี 2554 ฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและช่วยให้บริษัทสามารถก่อหนี้เพิ่มเพื่อขยายฐานสินเชื่อ

บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ASK)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ