ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ระดับ "BBB" และ "BBB-" จัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ระดับ "BBB-" และคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday September 12, 2013 17:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ระดับ “BBB-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ลงทุนตามแผนของบริษัท อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement — PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer — SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกลุ่มบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลง ความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจ รวมถึงการทำรายการระหว่างบริษัทในกลุ่ม นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดจากสถานะอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB” ของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 36.2% ณ เดือนสิงหาคม 2556 ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากการลงทุนในโครงการใหม่ทยอยให้ผลตอบแทนเต็มที่

บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) และบริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม หลังการปรับโครงสร้างแล้ว บริษัทถือเป็นบริษัทหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าถ่านหินและชีวมวลรวม 9 โรง ภายใต้โครงการ SPP ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 493 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 1,180 ตัน โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ และโลจิสติกส์ด้วย โดยบริษัทได้ลงทุนใน บริษัท อี 85 จำกัด (เดิมชื่อดั๊บเบิ้ล เอ เอทานอล) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังด้วยกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน บริษัทยังได้ลงทุนในเรือขนส่งถ่านหินทางทะเล ธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเล และขยายการลงทุนไปสู่การจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม 304 ธุรกิจผลิตน้ำมันรำข้าว รวมทั้งธุรกิจวิจัยและพัฒนา อีกทั้งยังได้ลงทุนซื้อสิทธิในการทำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียมูลค่า 396 ล้านบาทด้วย ในปี 2555 ธุรกิจไฟฟ้ายังเป็นแหล่งรายได้และแหล่งกำไรหลักของบริษัท โดยประมาณ 95% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากธุรกิจไฟฟ้า ในขณะที่ 5% มาจากธุรกิจอื่น

บริษัทมีสัญญา PPA อายุ 25 ปีกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 62% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือภายใต้สัญญาระยะยาวให้แก่กลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าและมีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิง

การดำเนินงานธุรกิจไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 หลังการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2555 ระดับความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าในปี 2555 ลดลงเหลือเพียง 82.3% จาก 86%-87% ระหว่างปี 2553-2554 เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่เพื่อปรับปรุง Secondary Air System เพื่อแก้ปัญหาการสึกกร่อนของท่อไอน้ำและปรับให้หม้อไอน้ำสามารถรองรับการใช้ถ่านหินค่าความร้อนต่ำได้เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง การดำเนินงานโดยเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าทั้ง 9 โรงปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงไฟฟ้าหน่วยใหญ่อีก 1 หน่วยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ก็ตาม โดยระดับความพร้อมจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 85.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8% เมื่อทียบกับ 3.8%-5.3% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่และวางระบบการจัดเก็บและจัดเตรียมเชื้อเพลิงใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง ทำให้อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงปรับตัวดีขึ้นเป็น 12,386 บีทียูต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (KWh) จากระดับ 12,827-13,104 บีทียูต่อ KWh ในปี 2553-2555 ซึ่งสะท้อนถึงการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยลงในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทและกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นในปี 2555 และครึ่งแรกของปี 2556 บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1,253 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 606 ล้านบาทซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าปกติในปี 2554 กำไรสุทธิยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 837 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 138% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นเป็น 27.6% ในปี 2555 และ 32.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 จาก 23.0% ในปี 2554 อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจากราคาขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินลดลงในปี 2555 และ 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยดัชนีถ่านหินอ้างอิง JPU (Japanese Power Utility Index) ลดลงจาก 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2554 เป็น 112 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2555 และ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ใช้ถ่านหินที่มีค่าความร้อนต่ำกว่ามาทดแทนถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูงบางส่วน รวมถึงใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามากขึ้นเพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง EBITDA ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% เป็น 3,393 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2,062 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นทำให้อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 5.0 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 จาก 3.7 เท่าในปี 2554 อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60.2% ในปี 2555 และ 59.7% ในเดือนมิถุนายน 2556 จาก 51.9% ในปี 2554 เงินกู้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15,318 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 จาก 11,967 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากการลงทุนของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการลงทุนใหม่ ๆ ระหว่างปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้จ่ายเงินปันผลจำนวน 2,800 ล้านบาทในปี 2555 อีกด้วย ทางด้านรายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องนั้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทยังมีเงินมัดจำสำหรับซื้อที่ดินกับบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 1,615 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 2,422 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554

คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 เนื่องจากต้นทุนถ่านหินและเชื้อเพลิงชีวมวลส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้ายังได้ประกาศปรับเพิ่มค่าเอฟที (Ft) จำนวน 7.08 สตางค์ต่อ KWh สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน 2556 ถึงเดือนธันวาคม 2556 ด้วย ธุรกิจเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากมีนโยบายภาครัฐมาสนับสนุน โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติช่วยเหลือผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังโดยกำหนดให้ผู้ขายแก๊สโซฮอลล์ซื้อเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังในสัดส่วน 38% จากปริมาณการซื้อแก๊สโซฮอลล์ทั้งหมดและซื้อเอทานอลจากกากน้ำตาลในสัดส่วน 62% ในขณะที่ความต้องการแก๊สโซฮอลล์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 ล้านลิตรต่อวันในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นถึง 86% เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ย 1.4 ล้านลิตรต่อวันในปี 2555

อัตราส่วนหนี้เงินกู้ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการประกาศจ่ายเงินปันผลอีกจำนวน 2,105 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 2556 และแผนการลงทุนจำนวน 35,000 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2558 โดยแผนการลงทุนประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer - IPP) ซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 1 แห่ง โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง และอีก 1 สายการผลิตของโรงงานเอทานอล โรงไฟฟ้า SPP จะเปิดดำเนินการในปี 2557-2558 ส่วนโรงไฟฟ้า IPP อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2559-2560 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะพัฒนาโครงการทั้งหมดโดยไม่ทำให้สถานะทางการเงินอ่อนแอลง

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB-
NPS156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ