ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน “ธ. กรุงศรีอยุธยา” ที่ “AA-” และ “A+” พร้อมคงแนวโน้ม "Positive"

ข่าวทั่วไป Tuesday October 8, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันของธนาคารที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่มีเสถียรภาพของธนาคารในธุรกิจหลัก ตลอดจนฐานะการเงินและคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น และเงินกองทุนที่มีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง และความเสี่ยงในช่วงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในอนาคต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นและจะมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นภายหลังการรวมกิจการกับ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU) สาขากรุงเทพฯ นอกจากนี้ อันดับเครดิตของธนาคารอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารหาก BTMU มีสถานะเป็นธนาคารแม่และมีอำนาจการบริหารงานในธนาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากสถานะทางเครดิตของ BTMU มีความแข็งแกร่งกว่าของธนาคาร

ตามแผนการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา BTMU ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ในธนาคาร โดย BTMU จะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของธนาคารทั้งหมดโดยสมัครใจซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2556 ทั้งนี้ GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของธนาคารจะขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 1,538 ล้านหุ้น (คิดเป็น 25.33% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ให้แก่ BTMU นอกจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสถาบันการเงินหนึ่งรูปแบบของธนาคารแห่งประเทศไทย กิจการของ BTMU สาขากรุงเทพฯ จะรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารเมื่อการเสนอซื้อหุ้นสามัญของธนาคารเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ ธนาคารจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,500 ล้านหุ้น โดยจัดสรรเป็นการเฉพาะให้แก่ BTMU เพื่อแลกกับการรับโอนสินทรัพย์และหนี้สิน รวมทั้งธุรกิจของ BTMU สาขากรุงเทพฯ การรวมกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางธุรกิจและการเงินของธนาคาร โดยธนาคารจะมีสินเชื่อที่มีการกระจายตัวที่ดี มีฐานเงินฝากขนาดใหญ่ขึ้น และมีฐานเงินทุนที่มีเสถียรภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าธนาคารจะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง และมีโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่กลุ่มฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากการถือหุ้นและการรวมธุรกิจประสบความสำเร็จ BTMU จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 40% ถึง 80% โดยขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการซื้อหุ้นและการเพิ่มทุนของธนาคาร อีกทั้งยังคาดว่าธนาคารจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก BTMU ในฐานะที่เป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะยังคงติดตามความคืบหน้าของธุรกรรมดังกล่าวต่อไป

BTMU ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ภายใต้กลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. (MUFG) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 BTMU ได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก Moody’s Investors Service ที่ระดับ “Aa3” และจาก Standard and Poor’s ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์รวมขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 โดย ณ เดือนมิถุนายน 2556 มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 9.0% และเงินรับฝาก 7.5% ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ธนาคารมีการเติบโตจากการขยายตัวของธุรกิจและจากการซื้อกิจการ โดยการซื้อกิจการนั้นช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการกระจายตัวของสินเชื่อ โดยได้มีการเพิ่มปริมาณสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงยิ่งขึ้น (อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เก่า สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล) ทั้งนี้ สินเชื่อของธนาคารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 15% ในปี 2555 และ 4% นับจากต้นปี 2556 ถึงเดือนมิถุนายน 2556 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อของธนาคารประกอบด้วยสินเชื่อรายย่อย (51% ของสินเชื่อรวม) สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (24%) และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (25%) ปัจจุบันธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนแอเป็นพิเศษในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ธนาคารมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอดีตได้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนจากปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพทั้งสิ้น 22.8 พันล้านบาท ลดลงจาก 52.1 พันล้านบาทในปี 2552 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 8.6% ในปี 2552 เหลือเพียง 2.6% ณ เดือนมิถุนายน 2556 อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เศรษฐกิจอ่อนแอลง คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารอาจเสื่อมถอยลงได้หากสินเชื่อรายย่อยจำนวนมากเริ่มกลายเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีปริมาณเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพียงพอสำหรับรองรับการเสื่อมค่าลงของสินทรัพย์จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในทางลบ ณ เดือนมิถุนายน 2556 สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ได้แก่ สินเชื่อค้างชำระเกิน 3 เดือน สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 29% ของเงินกองทุนตามกฎหมายซึ่งรวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยอยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 37%

ธนาคารมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมถึงการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและต้นทุนด้านเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2555 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 14.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อน อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (ROAA) เท่ากับ 1.45% ในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 1.02% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้รองรับวัฏจักรธุรกิจและเศรษฐกิจขาลงจำนวน 2.6 พันล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับปริมาณสำรองที่มีอยู่ ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 2556 เท่ากับ 7.1 พันล้านบาท โดยยังคงใกล้เคียงกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับ ROAA ในงวดครึ่งแรกของปี 2556 (ยังไม่ได้ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปี) นั้นเท่ากับ 0.65% ลดลงเล็กน้อยจาก 0.72% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธนาคารมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินกองทุนตามกฎหมายที่เพียงพอต่อการเติบโตในระยะกลาง ณ เดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารรายงานอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับ 12.03% และ 17.02% ตามลำดับ สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 6.00% และ 8.50% ตามลำดับ

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BAY206A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 20,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ