ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "ธ. ธนชาต" ที่ "AA-", หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน ที่ "A+", และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ "A" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวทั่วไป Monday October 28, 2013 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A+” และ “A” ตามลำดับ โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของ Bank of Nova Scotia (BNS) ซึ่งเป็นพันธมิตรจากประเทศแคนาดาที่ถือหุ้น 49% ในธนาคารธนชาตผ่าน Scotia Netherlands Holdings B.V. อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกจำกัดด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอ่อนแอจากปริมาณสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับสูง รวมทั้งปริมาณสำรองเพื่อรองรับผลขาดทุนจากสินเชื่อซึ่งแม้จะมีเพิ่มขึ้นแต่ยังมีจำนวนน้อย และการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจธนาคาร

อันดับเครดิต “A” ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร (TBANK197A และ TBANK247A) สะท้อนความเสี่ยงจากความด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และสะสมผลตอบแทน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 และ 2567 ธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะมีสิทธิด้อยกว่าผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารสามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ประเภทนี้ได้ในกรณีที่ธนาคารมีผลขาดทุนในงวดบัญชี 6 เดือนก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยและธนาคารไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนดอกเบี้ยแบบสะสมยอด

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนบทบาทการเป็นธนาคารหลักของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าธนาคารจะสามารถใช้การผสานพลังในกลุ่มให้เกิดประโยชน์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ อันดับเครดิตของธนาคารจะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้นหากธนาคารสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์มิให้เกิดความเสียหายและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ฐานเงินทุนและสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารได้

ธนาคารธนชาตเป็นบริษัทลูกที่สำคัญของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้นในสัดส่วน 50.96% ธนาคารมีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 8.1% และเงินรับฝากที่ 7.2% ณ เดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวที่ดีขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ภายหลังการควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ในปี 2553 ทำให้สัดส่วนของสินเชื่อดีขึ้นและลดการกระจุกตัวของสินเชื่อรายย่อย ณ เดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อของธนาคารประกอบด้วยสินเชื่อรายย่อย (68% ของสินเชื่อรวม) สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (20%) และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (10%) ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 27% สินเชื่อเช่าซื้อของธนาคาร ณ เดือนมิถุนายน 2556 คิดเป็นสัดส่วน 55% ของสินเชื่อรวม ธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต สินเชื่อเช่าซื้อเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 39% ในปี 2555 และ 9% ในครึ่งแรกของปี 2556 ธนาคารให้ความสำคัญมากขึ้นกับสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ให้ผลตอบแทนสูงเพื่อเพิ่มส่วนต่างดอกเบี้ย นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ ทั้งนี้ คุณภาพสินทรัพย์และฐานเงินทุนของธนาคารอาจถดถอยลงได้หากสินเชื่อเหล่านี้กลายเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจขาลง

ในเดือนพฤษภาคม 2556 ธนาคารได้ขายธุรกิจประกันชีวิตซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทย่อยคือ บริษัท ธนชาตประกันชีวิต จำกัด ให้แก่ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (พรูเด็นเชียล) ด้วยมูลค่าประมาณ 17.5 พันล้านบาท โดยจะนำเงินสดจากการขายกิจการในครั้งนี้มาใช้ในการขยายสินเชื่อต่อไป ปัจจุบันธนาคารเป็นพันธมิตรกับพรูเด็นเชียลในธุรกิจการขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร (Bancassurance) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือโดยอาศัยความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันของพรูเด็นเชียลและเครือข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคาร อันจะส่งผลให้ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการ Bancassurance เพิ่มสูงขึ้น

ธนาคารมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้นและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม สถานะทางเครดิตของธนาคารถูกจำกัดด้วยปริมาณสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ได้แก่ สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) จำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่รับโอนมาจากธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารพยายามปรับปรุงคุณภาพของสินเชื่อโดยการแก้ไขสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ค้างมานาน ส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจาก 36.9 พันล้านบาทในปี 2553 เป็น 32.5 พันล้านบาทในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ปรากฏมีสินเชื่อด้อยคุณภาพเกิดขึ้นจำนวนมากในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 34.8 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2556 โดยเพิ่มขึ้น 7% จากเดือนธันวาคม 2555 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 6.06% ในปี 2553 เป็น 4.30% ในปี 2555 แต่กลับเพิ่มขึ้นเป็น 4.41% ณ เดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ฐานะทางการเงิน ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 75% ในปี 2555 เป็น 86% ในเดือนมิถุนายน 2556 แต่ยังคงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่ระดับ 134% ณ เดือนมิถุนายน 2556 ทั้งนี้ ในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงอ่อนแอ ธนาคารยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และการเพิ่มปริมาณสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้สูงขึ้น

ฐานะการเงินของธนาคารปรับตัวดีขึ้นภายหลังการรวมธุรกิจระหว่างธนาคารและธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารมีกำไรสุทธิ 8.4 พันล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้น 10% โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและการควบคุมต้นทุนดำเนินงาน ธนาคารบันทึกกำไรจากการขายกิจการประกันชีวิตในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ส่งผลให้กำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกของปี 2556 เท่ากับ 10.4 พันล้านบาท ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 0.89% ในปี 2555 และ 1.02% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2556 แม้ว่าผลประกอบการจะดีขึ้น แต่ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังคงอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารคู่แข่ง

ธนาคารมีเงินกองทุนที่เพียงพอต่อการขยายธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า ณ เดือนมิถุนายน 2556 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมของธนาคารเท่ากับ 8.34% และ 13.89% ตามลำดับ แม้ว่าจะสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 6.00% และ 8.50% แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารที่ระดับ 11.67% และ 15.54% ตามลำดับ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK155A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+
TBANK194A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
TBANK196A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
TBANK204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
TBANK227A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 8,497 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
TBANK22OA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 4,018.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
TBANK197A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
TBANK247A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ