ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน และแนวโน้ม “บ. โออิชิ กรุ๊ป” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 16, 2013 16:34 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียวชั้นนำในประเทศไทยและการมีตราสัญลักษณ์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดี การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการสนับสนุนที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทั้งในด้านคณะผู้บริหาร เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง และโรงงานผลิตด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนการมีสินค้าทดแทนได้ง่าย อัตราการทำกำไรที่ลดลง และภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตราสินค้าเอาไว้และผสานกำลังทางธุรกิจกับบริษัทไทยเบฟเวอเรจต่อไป อีกทั้งยังคาดหวังให้บริษัทเร่งฟื้นกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจเครื่องดื่มและปรับปรุงผลการดำเนินงานโดยรวมแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง หากอัตรากำไรยังคงอ่อนแอต่อเนื่องเป็นเวลานานก็อาจเกิดผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้

บริษัทโออิชิ กรุ๊ปดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ ธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และธุรกิจอาหาร โดยใช้ตราสินค้าหลักคือ “โออิชิ” (Oishi) และเน้นเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น สินค้าประเภทเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของบริษัทครอบคลุมชาเขียวญี่ปุ่นและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สำหรับธุรกิจอาหารนั้น บริษัทดำเนินธุรกิจเครือข่ายภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น จำหน่ายอาหารแช่แข็งและแช่เย็นรวมถึงสาหร่ายทอดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น และให้บริการจัดส่งอาหาร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 บริษัทมีโรงงานผลิตเครื่องดื่ม 3 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 450 ล้านลิตรต่อปี และมีเครือข่ายภัตตาคารรวม 172 สาขา สาขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ครัวกลางแห่งใหม่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีทดแทนครัวเก่าในจังหวัดปทุมธานี

สถานะทางธุรกิจของบริษัทได้รับแรงหนุนในฐานะเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียวชั้นนำในประเทศไทย ในปี 2555 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 44% ของตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง การมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเชิงรุกอย่างมาก และการตัดราคาจากคู่แข่ง ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 38% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 สำหรับธุรกิจอาหารนั้น เมื่อพิจารณาถึงตราสินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและเครือข่ายภัตตาคารของบริษัทที่มีขนาดปานกลางแล้วคาดว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตที่ดีในธุรกิจดังกล่าวในอนาคต กลยุทธ์หลักของบริษัทคือเน้นการขยายจำนวนสาขาให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของประเภทอาหาร

การเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นนำของไทยทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนในหลาย ๆ ด้านและเกิดการผสานพลังทางธุรกิจ ได้แก่ คณะผู้บริหารที่แต่งตั้งเข้ามา การให้บริการกระจายสินค้า และการใช้โรงงานผลิตร่วมกัน บริษัทไทยเบฟเวอเรจถือเป็นผู้จัดจำหน่ายที่มีฐานการตลาดกว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เครือข่ายขนาดใหญ่ดังกล่าวสามารถครอบคลุมตลาดและเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ และมีโอกาสการเติบโตในตลาดส่งออกด้วยเช่นกัน การร่วมมือกันยังขยายไปถึงด้านการผลิตด้วย โดยบริษัทไทยเบฟเวอเรจช่วยเสริมการผลิตในช่วงที่บริษัทขาดแคลนสินค้าและสนับสนุนการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ด้วยต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การสั่งซื้อสินค้าร่วมกับกลุ่มยังทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองกับคู่ค้ามากขึ้นด้วย ณ เดือนสิงหาคม 2556 บริษัทไทยเบฟเวอเรจถือหุ้นในสัดส่วน 79.7% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท

ยอดขายของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น 22.5% จากปี 2554 มาอยู่ที่ 11,634 ล้านบาทในปี 2555 ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้ประมาณ 54% ของรายได้รวม ในขณะที่ธุรกิจอาหารสร้างรายได้ในส่วนที่เหลือ ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เติบโตเพียง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 8,759 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากการขยายจำนวนสาขาร้านอาหารเป็นหลัก รายได้จากธุรกิจอาหารเติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยชดเชยยอดขายในธุรกิจเครื่องดื่มที่ลดลง 7% ในด้านผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างกำไรประมาณ 63% ของ EBITDA ทั้งหมด ในปี 2555 แต่ลดลงเหลือ 30% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556

อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทค่อนข้างเสถียรอยู่ที่ระดับ 31%-32% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขาย) ของบริษัทมีความผันผวน โดยลดลงมาอยู่ที่ 10.0% ในปี 2555 และ 8.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เปรียบเทียบกับระดับ 14%-16% ในปี 2553-2554 สำหรับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขาย (EBITDA Margin) จากธุรกิจอาหารค่อนข้างเสถียรอยู่ที่ระดับประมาณ 11% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 แต่ EBITDA Margin ในธุรกิจเครื่องดื่มลดจาก 12% ในปี 2555 เหลือ 5% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ต้นทุนที่เป็นภาระหลักคือค่าใช้จ่ายด้านการขายและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านการขายต่อยอดขายในธุรกิจเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2555 เป็น 18% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 โดยบริษัทใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและรักษาตำแหน่งทางการตลาด ซึ่งตลาดชาพร้อมดื่มในช่วง 2 ปีที่ผ่านถือได้ว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงผิดปกติ

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 820 ล้านบาทในปี 2555 และอยู่ที่ 742 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ระดับสภาพคล่องของบริษัทยังคงเพียงพอ โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมในปี 2555 อยู่ที่ 44.7% และ 34.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เมื่อปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง

ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14,000-18,000 ล้านบาทต่อปี โดยเป็นผลจากการขยายสาขาร้านอาหาร ตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การออกสินค้าใหม่ และการขยายกำลังการผลิต อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2556 ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2557 โดยคาดว่าธุรกิจอาหารจะคงสร้างอัตรากำไรที่ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจเครื่องดื่มจะได้รับประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนจากสายการผลิตแบบเทคโนโลยีบรรจุเย็นซึ่งบริษัทวางแผนลงทุนในสายการผลิตดังกล่าวเพิ่มเติม อีกทั้งจะได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้วย นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการขายโดยใช้การส่งเสริมการขายที่เหมาะสมมากขึ้นด้วย

การขยายธุรกิจของบริษัทส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 28.9% ในปี 2554 เป็น 37% ในปี 2555 และ 47% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เมื่อพิจารณาถึงแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 ที่บริษัทตั้งไว้ที่ประมาณ 1,000-2,200 ล้านบาทต่อปีเพื่อใช้ขยายสาขาร้านอาหารและติดตั้งสายการผลิตเครื่องดื่มสายใหม่แล้ว คาดว่าระดับภาระหนี้น่าจะปรับสูงขึ้น โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะขึ้นสูงสุดในระดับประมาณ 50% ในปี 2557 และหลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและธุรกิจเครื่องดื่มจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากผลของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดทั้ง 2 ประเภทนี้ถือว่ามีความรุนแรงเนื่องจากมีผู้แข่งขันจำนวนมากและมีสินค้าทดแทนได้ง่าย โดยมีการนำกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขายมาใช้กระตุ้นความต้องการอยู่เสมอ บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการริเริ่มส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพและรักษาตำแหน่งทางการตลาดเอาไว้ให้ได้

บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (OISHI)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
OISHI168A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ