ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RATCHGEN) ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนการมีโรงไฟฟ้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่งและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงความพร้อมจ่ายและผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ต่อไป อีกทั้งจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงไปจนตลอดอายุของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งจะทยอยครบกำหนดในระหว่างปี 2568-2570
RATCHGEN เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) (อันดับเครดิตที่ระดับ “AA+” จากทริสเรทติ้ง) บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (Independent Power Producer – IPP) รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โรงไฟฟ้าราชบุรีของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน 2 หน่วยและหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Gas Turbine – CCGT) 3 หน่วย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 3,645 เมกะวัตต์ หรือเท่ากับ 11% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวมของทั้งประเทศ ณ สิ้นปี 2556 บริษัทขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) ระยะเวลา 25 ปี และซื้อก๊าซธรรมชาติจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ภายใต้สัญญาขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Sales Agreement -- GSA) ระยะเวลา 25 ปี
ในปี 2556 ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าราชบุรีของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ โดยในปี 2556 หน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนได้หยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (Major Overhaul) ทำให้ค่าความพร้อมจ่ายลดลงจาก 97.0% ในปี 2555 เหลือ 81.9% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ค่าความพร้อมจ่ายดังกล่าวยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ในขณะที่หน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนมีค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าที่ 10,359 บีทียู่ต่อหน่วย (BTU/kWh) หน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในโรงไฟฟ้าราชบุรียังคงดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย โดยสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายที่ระดับ 88.3% และมีค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าที่ 7,246 BTU/kWh ระดับการจ่ายไฟฟ้าของหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนและหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในปี 2556 อยู่ที่ระดับ 28.5% และ 70.7% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าระดับการจ่ายไฟฟ้าในปี 2555 ที่ 31.7% สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน และที่ 71.9% สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ระดับการจ่ายไฟฟ้าที่ต่ำนี้มีผลต่อกระแสเงินสดของบริษัทเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทส่วนใหญ่จะเกิดจากรายได้ค่าความพร้อมจ่ายพลังไฟฟ้า (Availability Payment – AP)
ในปี 2556 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง 7.4% เป็น 47,945 ล้านบาทเนื่องจากรายได้ค่าพลังงาน (Energy Payment – EP) ที่ต่ำลงจากการผลิตไฟฟ้าที่ลดลง ในขณะที่กำไรสุทธิลดลงเพียง 2.1% เหลือ 4,765 ล้านบาทเนื่องจากกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากรายได้ AP อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 บริษัทมีอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อภาระหนี้ดีขึ้น เนื่องจากเงินกู้รวมลดลงจาก 14,700 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เหลือ 12,090 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมี EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายดีขึ้นจาก 16.9 เท่าในปี 2555 เป็น 18.2 เท่าในปี 2556 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ดีขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 49.9% ในปี 2555 เป็น 58.2% ในปี 2556 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นด้วย จากระดับ 41.4% ณ สิ้นปี 2555 เหลือประมาณ 36.7% ณ สิ้นปี 2556 ซึ่งเป็นไปตามตารางการชำระหนี้ของบริษัท โดยหุ้นกู้ชุดสุดท้ายมูลค่า 721 ล้านบาทของบริษัทจะครบกำหนดชำระคืนในเดือนมีนาคม 2558