ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. น้ำตาลขอนแก่น” ที่ ระดับ “A” และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทที่ระดับ “A”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 25, 2014 18:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในฐานะที่บริษัทเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของประเทศไทย ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความเสี่ยงจากสถานการณ์ราคาน้ำตาลที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความเสี่ยงทั้งในด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจอ้อยและน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชา ตลอดจนความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มน้ำตาลขอนแก่นจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทยเอาไว้ได้ โดยระบบแบ่งปันผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจเอทานอล และรายได้ที่คงที่จากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยรองรับการดำเนินงานในช่วงวงจรขาลงของธุรกิจน้ำตาลได้

บริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ในประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2488 โดยตระกูลชินธรรมมิตร์และคณะ ณ เดือนเมษายน 2557 ตระกูลชินธรรมมิตร์ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วนรวม 70.0% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 5 แห่งในประเทศไทยโดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม ณ เดือนพฤษภาคม 2557 เท่ากับ 102,000 ตันอ้อยต่อวัน ทั้งนี้ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นสามารถหีบอ้อยได้ 8.5 ล้านตันอ้อยในปีการผลิต 2556/2557 และผลิตน้ำตาลได้ 900,665 ตัน ซึ่งจัดเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 8.2% ในปีการผลิต 2556/2557 รองจากกลุ่มมิตรผลซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาด 19.4% กลุ่มไทยรุ่งเรือง 15.5% และกลุ่มไทยเอกลักษณ์ 9.6%

ตั้งแต่ปีการเงิน 2549 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย ได้แก่ ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและเอทานอล ในช่วงปี 2556 จนถึงช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้าและเอทานอล) คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวม

นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยแล้ว กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นยังดำเนินธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชาด้วย โดยโรงงานน้ำตาลในประเทศดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปีการผลิต 2553 หลังจากที่บริษัทประสบกับปัญหาผลผลิตอ้อยต่อไร่ตกต่ำจากโรคระบาดในอ้อยเป็นระยะเวลาหลายปี ในช่วงปีการผลิต 2556/2557 ผลผลิตอ้อยในประเทศลาวและกัมพูชาเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 2.9 ตันอ้อยต่อไร่ในปีการผลิต 2555/2556 มาอยู่ที่ 7.9 ตันอ้อยต่อไร่ อย่างไรก็ตาม ราคาส่งออกน้ำตาลทรายดิบไปยังกลุ่มประเทศยุโรปลดลง 36% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 จากปัญหาผลผลิตล้นตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป จึงทำให้ผลประกอบการของบริษัทในประเทศลาวและกัมพูชายังคงขาดทุนที่ 67 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557

จากสถานการณ์ราคาน้ำตาลที่ยังคงปรับตัวลดลงทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปีการเงิน 2556-2557 ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยบริษัทมีรายได้ลดลง 15% เป็น 18,941 ล้านบาทในปีการเงิน 2555-2556 จาก 22,212 ล้านบาทในปีการเงิน 2554-2555 สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้รวมเท่ากับ 7,429 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปี 2555-2556 เนื่องจากลูกค้าชะลอการส่งมอบน้ำตาลออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ทำให้ปริมาณส่งออกน้ำตาลรวมลดลง 25.3% อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจาก 25.8% ในปีการเงิน 2555 มาอยู่ที่ระดับ 21.0% ในปีการเงิน 2556 เนื่องจากราคาน้ำตาลที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้นจากปัญหาเครื่องจักรและผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยตกต่ำ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 33.5% จากสัดส่วนการจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวที่สูงในระหว่างไตรมาสและต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นยังมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มพลังงานที่สูงขึ้นด้วย ในปีการเงิน 2556 การเติบโตของความต้องการใช้เอทานอลในประเทศส่งผลทำให้ราคาขายอ้างอิงของเอทานอลเพิ่มขึ้น 15.1% มาอยู่ที่ระดับ 24.13 บาทต่อลิตร ในปีการเงิน 2556 ราคาขายเอทานอลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 27.45 บาทต่อลิตรในช่วง 6 เดือนแรกของปีการเงิน 2557 หรือเพิ่มขึ้น 26.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงส่งผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเอทานอลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีการเงิน 2557 นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไฟฟ้ายังคงอยู่ในระดับสูงที่ 53.8% ในช่วงครึ่งแรกของปีการเงิน 2557 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัท ในช่วง 6 เดือนแรกของปีการเงิน 2557 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2,229 ล้านบาท จาก 1,901 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556

อัตราการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 57.3% ณ สิ้นปีการเงิน 2556 ในช่วงสิ้นเดือนเมษายน 2557 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับสูงตามฤดูกาลที่ 66.15% เนื่องจากเป็นช่วงหลังสิ้นสุดฤดูกาลหีบอ้อย อย่างไรก็ตาม อัตราการก่อหนี้ของบริษัทคาดว่าจะลดลงตอนสิ้นปีการเงิน ในช่วงปีการเงิน 2557-2559 แผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี โดยล่าสุดบริษัทประกาศลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท มัดแมน จำกัด ซึ่งประกอบกิจการอาหารและร้านอาหารของไทยคิดเป็นสัดส่วน 9.3% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วด้วยเงินลงทุนรวม 350 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปีและแผนการลงทุนของบริษัทคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงต่ำกว่าระดับ 60% ได้ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า

คาดว่าราคาน้ำตาลจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในปี 2557 เนื่องจากอุปทานที่ยังคงล้นตลาด โดย Foods and Agricultural Organization แห่งองค์การสหประชาชาติประมาณการว่าผลผลิตน้ำตาลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 182.0 ล้านตันในปีการผลิต 2556/2557 โดยผลผลิตน้ำตาลที่ลดลงในประเทศบราซิล กลุ่มประเทศประชาคมยุโรป และเม็กซิโก จะสุทธิกับปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย และอาฟริกาใต้ ส่วนความต้องการบริโภคน้ำตาลคาดว่าจะเติบโต 2.1% เป็น 179.6 ล้านตันในปีการผลิต 2556/2557 ดังนั้น ปริมาณผลิตน้ำตาลจะเกินความต้องการเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KSL14DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
KSL15DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
KSL174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ