แท็ก
เครดิต
กรุงเทพ--15 ก.ค.--ทริส
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์เอกชาติ จำกัด (มหาชน) ในระดับ A- ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่มั่นคง ฐานเงินกองทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และการจัดการทางการเงินและการประกอบการที่ดี ทว่าการแข่งขันที่สูงขึ้นและการเปิดเสรีทางการเงินของประเทศได้ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท
บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ เอกชาติ จำกัด (มหาชน) ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้บริหารชุดใหม่เมื่อปี 2532 ได้เติบโตอย่างมั่นคงพร้อมไปกับการล้างผลขาดทุนสะสม ซึ่งสะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งด้านการทำกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ ปัจจุบันบริษัทเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ขนาดกลาง ซึ่งมีสินทรัพย์รวม 18,122 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2538 แต่การเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทค่อนข้างได้รับแรงกดดันจากสถานะทางธุรกิจที่ค่อนข้างจำกัดของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในภาคธุรกิจการเงิน คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง บริษัทมีเงินให้สินเชื่อประมาณ 87% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งบางส่วนได้ให้บริการสินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีความผันผวนสูงคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ เพื่อซื้อหลักทรัพย์ในสัดส่วนรวมที่ค่อนข้างสูง สินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้รวมในส่วนที่เกิดจากทีมบริหารเดิมมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ดังนั้นจำนวนเงินที่ตั้งสำรอง จึงครอบคลุมหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญได้เป็นอย่างดี
ควาามสามารถในการทำกำไรของบริษัทค่อนข้างใกล้เคียงกับระดับอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดี ซึ่งเกิดจากการบริหารสินเชื่อเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท ตลอดระยะดวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับ 1.5% รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการได้รับอนุญาตให้เลื่อนฐานะ เป็นนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในปี 2538 ในขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง ซึ่งเป็นผลจากค่าสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ฯ การทำกำไรของบริษัทน่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับการเติบโต ในระดับปานกลางของธุรกิจเงินทุน ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์นั้นคาดว่าจะยังคงมีแรงกดดันจากการแข่งขันและความผันผวนของธุรกิจ การบริหารสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ โดยบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อ ที่ได้รับจากสถาบันการเงินหลายแห่ง บริษัทใช้เงินกู้ยืมจากประชาชนเป็นแหล่งระดมทุนหลัก และได้เพิ่มการใช้แหล่งเงินกู้ยืมจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการระดมทุนด้วย บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการตั้งสำรอง เผื่อการขาดทุนจากอัตราการแลกเปลี่ยนไว้ด้วย บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของเงินกองทุนได้เป็นอย่างดีด้วยอัตราส่วนเงินกองทุนตามกฎเกณฑ์ BIS ที่สูงถึง 17.33% และมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ถึง 13.11% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของทางการมาก การเพิ่มทุนในต้นปี 2539 ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานเงินกองทุน และสามารถสนับสนุนการเติบโตของสินทรัพย์ตามที่บริษัทคาดหวังได้อย่างพอเพียงตลอด 2-3 ปีข้างหน้า--จบ--
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์เอกชาติ จำกัด (มหาชน) ในระดับ A- ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่มั่นคง ฐานเงินกองทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และการจัดการทางการเงินและการประกอบการที่ดี ทว่าการแข่งขันที่สูงขึ้นและการเปิดเสรีทางการเงินของประเทศได้ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท
บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ เอกชาติ จำกัด (มหาชน) ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้บริหารชุดใหม่เมื่อปี 2532 ได้เติบโตอย่างมั่นคงพร้อมไปกับการล้างผลขาดทุนสะสม ซึ่งสะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งด้านการทำกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ ปัจจุบันบริษัทเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ขนาดกลาง ซึ่งมีสินทรัพย์รวม 18,122 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2538 แต่การเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทค่อนข้างได้รับแรงกดดันจากสถานะทางธุรกิจที่ค่อนข้างจำกัดของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในภาคธุรกิจการเงิน คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง บริษัทมีเงินให้สินเชื่อประมาณ 87% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งบางส่วนได้ให้บริการสินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีความผันผวนสูงคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ เพื่อซื้อหลักทรัพย์ในสัดส่วนรวมที่ค่อนข้างสูง สินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้รวมในส่วนที่เกิดจากทีมบริหารเดิมมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ดังนั้นจำนวนเงินที่ตั้งสำรอง จึงครอบคลุมหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญได้เป็นอย่างดี
ควาามสามารถในการทำกำไรของบริษัทค่อนข้างใกล้เคียงกับระดับอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดี ซึ่งเกิดจากการบริหารสินเชื่อเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท ตลอดระยะดวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับ 1.5% รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการได้รับอนุญาตให้เลื่อนฐานะ เป็นนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในปี 2538 ในขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง ซึ่งเป็นผลจากค่าสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ฯ การทำกำไรของบริษัทน่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับการเติบโต ในระดับปานกลางของธุรกิจเงินทุน ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์นั้นคาดว่าจะยังคงมีแรงกดดันจากการแข่งขันและความผันผวนของธุรกิจ การบริหารสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ โดยบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อ ที่ได้รับจากสถาบันการเงินหลายแห่ง บริษัทใช้เงินกู้ยืมจากประชาชนเป็นแหล่งระดมทุนหลัก และได้เพิ่มการใช้แหล่งเงินกู้ยืมจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการระดมทุนด้วย บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการตั้งสำรอง เผื่อการขาดทุนจากอัตราการแลกเปลี่ยนไว้ด้วย บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของเงินกองทุนได้เป็นอย่างดีด้วยอัตราส่วนเงินกองทุนตามกฎเกณฑ์ BIS ที่สูงถึง 17.33% และมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ถึง 13.11% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของทางการมาก การเพิ่มทุนในต้นปี 2539 ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานเงินกองทุน และสามารถสนับสนุนการเติบโตของสินทรัพย์ตามที่บริษัทคาดหวังได้อย่างพอเพียงตลอด 2-3 ปีข้างหน้า--จบ--