ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ช. การช่าง” เป็น “A-” จาก “BBB+” และปรับแนวโน้ม เป็น “Stable” จาก “Positive”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 30, 2015 13:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-/Stable” จากเดิมที่ระดับ “BBB+/Positive” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและใช้ในการขยายกิจการ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนถึงโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นและความยืดหยุ่นทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นหลังการปรับโครงสร้างทางธุรกิจซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่หุ้นที่บริษัทถืออยู่และลดความกดดันในเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม

อันดับเครดิตของบริษัทยังคงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างพื้นฐานและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนเชิงกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตลอดจนความเสี่ยงของสัญญาที่มีลักษณะต่อหน่วยแบบคงที่ (Fixed-price Contract) และภาระหนี้ที่สูงของบริษัท

ปัจจัยบวกด้านเครดิตคือกรณีที่บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดและโครงการในมือได้สูงกว่าประมาณการในขณะที่บริษัทยังสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับต่ำกว่า 50% เป็นระยะเวลาต่อเนื่องได้ ปัจจัยลบด้านเครดิตคือการมีต้นทุนก่อสร้างในโครงการหลัก ๆ ที่สูงกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินหรือการลงทุนในบริษัทในเครือที่มีมูลค่าสูงนอกเหนือจากประมาณการซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อกระแสเงินสดของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรให้อยู่ในระดับสูงกว่า 7% โดยเฉลี่ย รวมทั้งเงินทุนหมุนเวียนในโครงการไซยะบุรีจะปรับตัวดีขึ้น

บริษัท ช. การช่างก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลตรีวิศวเวทย์ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างตั้งแต่งานโยธาโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงโครงการที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) และ บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 1 ราย คือ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ด้วย

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่า 9.6 หมื่นล้านบาท โดยมีโครงการหลักได้แก่ โครงการเขื่อนไซยะบุรีซึ่งมีมูลค่า 4.2 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 4 มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท โครงการทางพิเศษศรีรัช วงแหวนรอบนอก มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวสัญญาที่ 1 มูลค่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการเขื่อนไซยะบุรีมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 43% ของมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมด

ในเดือนมกราคม 2558 คณะกรรมการของบริษัทได้อนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมในการปรับโครงสร้าง 2 ธุรกิจหลัก โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจแรกคือให้บริษัทให้การสนับสนุนการควบรวมกิจการของ BECL และ BMCL โดยบริษัทจะซื้อหุ้นของ BMCL จาก BECL ในสัดส่วน 10% ของหุ้น BMCL ทั้งหมดที่มูลค่า 3,670 ล้านบาท หลังจากการควบรวมดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทใหม่อยู่ที่ประมาณ 30% ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ 2 คือให้บริษัทขายหุ้นของ XPCL ในสัดส่วน 30% ของหุ้น XPCL ทั้งหมดให้แก่ CKP ที่มูลค่า 4,300 ล้านบาท และ CKP จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ต้องเพิ่มทุนให้แก่ XPCL จนกว่าการก่อสร้างโครงการเขื่อนไซยะบุรีจะแล้วเสร็จ

ทริสเรทติ้งมองว่าในระยะสั้น การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะมีผลกระทบไม่มากนักต่อกระแสเงินสดของบริษัทเนื่องจากเงินสดที่ได้รับจะใกล้เคียงกับเงินสดที่ต้องชำระ ในขณะเดียวกัน โครงสร้างเงินทุนของบริษัทก็คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญเนื่องจากกำไรจากการขายหุ้นของ XPCL น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการตัดรายการกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเงินลงทุนใน BECL ในระยะกลางและระยะยาว การควบรวมกิจการของ BECL และ BMCL รวมทั้งการขายหุ้น XPCL ให้แก่ CKP น่าจะช่วยปรับให้โอกาสการเติบโตและการเลือกในการระดมทุนของบริษัทและบริษัทในกลุ่มสอดคล้องกันมากขึ้น ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของ BECL น่าจะช่วยเสริม BMCL ในด้านความต้องการแหล่งทุนในระดับสูงเพื่อลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าที่มีโอกาสเติบโตได้มาก นอกจากนี้ โครงสร้างธุรกิจใหม่ยังน่าจะช่วยลดความกังวลจากแรงกดดันด้านภาระหนี้ของบริษัทลงได้

ผลประกอบการเต็มปี 2557 ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับตามประมาณการของทริสเรทติ้ง ยกเว้นในเรื่องของภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าประมาณการจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการไซยะบุรี ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 3.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2558-2560 โดยจะเป็นรายได้จากโครงการเขื่อนไซยะบุรีประมาณ 8,000 ล้านถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 25%-30% ของประมาณการรายได้ ทั้งนี้ งานรับเหมาก่อสร้างในมือจำนวนมากที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% 66% และ40% ของประมาณการรายได้ในปี 2558 2559 และ 2560 ตามลำดับ

อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ในปี 2558-2560 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 7% โดยเฉลี่ย เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี และเงินปันผลประมาณ 300-500 ล้านบาท ทริสเรทติ้งมองว่าภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะมีภาระหนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้รับเหมาที่ได้รับอันดับเครดิตเท่ากัน ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทเป็นทั้งผู้รับเหมาและประกอบธุรกิจลงทุน โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 68.1% ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องในปี 2558-2559 และปรับดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 67% ในปี 2560 หลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 4 แล้วเสร็จ

บริษัทมีสภาพคล่องที่เหมาะสมและมีปัจจัยสนับสนุนด้านความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน ณ เดือนกันยายน 2557 เงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทมีมูลค่ายุติธรรมที่ 3 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 74% ของภาระหนี้รวมของบริษัท ในปี 2558-2560 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 2.5 เท่า ส่วนอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 5%-10% โดยเฉลี่ย

บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CK154A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A-
CK167A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
CK174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
CK182A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
CK187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
CK193A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A-
CK19NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A-
CK205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ