บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ประกอบธุรกิจพัฒนาและขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ บริษัทก่อตั้งในปี 2542 โดยตระกูลเรืองกฤตยา ในปี 2546 นายชานนท์ เรืองกฤตยามีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ต่อมาในปี 2549-2550 บริษัทได้ร่วมทุนกับ Pramerica Real Estate Investors (Pramerica) ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเพื่อจัดตั้ง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ วัน จำกัด (ADO) เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด (AD2) เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โดยที่ Pramerica ลงทุนในสัดส่วน 95% ของเงินลงทุนทั้งหมด ส่วนบริษัทลงทุน 5% และทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการ ต่อมาบริษัทได้ซื้อกิจการทั้งหมดของ AD2 จาก Pramerica ในปี 2553 และซื้อ ADO ในปี 2555 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2555 ณ เดือนสิงหาคม 2556 นายชานนท์ เรืองกฤตยาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 50.1% ของหุ้นทั้งหมด ความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยการพิจารณาสถานะทางธุรกิจของบริษัทนั้นครอบคลุมถึงประวัติการดำเนินงานและผลประกอบการของกิจการร่วมค้าซึ่งถือเสมือนว่าบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีบทบาทเป็นอย่างมากในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ให้แก่กิจการร่วมค้า นอกเหนือจาก ADO และ AD2 แล้ว บริษัทยังได้ร่วมทุนกับ SEA Investment Five Pte. Ltd. (SEAI5) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นคือกลุ่ม Mitsui Fudosan เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมค้าในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ด้วย โดยบริษัทลงทุน 51% และเป็นผู้บริหารโครงการ ในขณะที่ SEAI5 ลงทุน 49% และเป็นผู้นำเทคโนโลยีในการก่อสร้างมาใช้ในโครงการ การพัฒนาโครงการในลักษณะของกิจการร่วมค้านี้นอกจากจะทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการขยายธุรกิจแล้วยังเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทลงส่วนหนึ่งด้วย ณ เดือนธันวาคม 2557 บริษัทมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา 24 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าเหลือขายประมาณ 14,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้ (Backlog) ในอีก 2 ปีข้างหน้าจำนวน 10,000 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายที่รอรับรู้รายได้มูลค่า 17,000 ล้านบาทจากโครงการที่พัฒนาภายใต้กิจการร่วมค้า) ยอดขายของบริษัทอยู่ในระดับสูงสุดที่ 20,361 ล้านบาทในปี 2556 และลดลง 15% เป็น 17,311 ล้านบาทในปี 2557 รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เติบโตถึง 98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6,125 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งมอบคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรจำนวนมาก ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าฐานรายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดย 70% ของรายได้จะมาจากโครงการคอนโดมิเนียม และอีก 20% มาจากโครงการบ้านจัดสรร
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 16% ในช่วงปี 2555 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากอัตรากำไรที่เพิ่มมากขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียมและผลกระทบที่ลดลงจากการซื้อ AD2 ด้วยมูลค่ายุติธรรมที่สูง อัตราส่วนกำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 9% ในปี 2556 และ 11% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ที่ประมาณ 15% เอาไว้ได้
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ เดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 59% (รวมเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วน) ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะปรับสูงขึ้นจากแผนการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโต อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ควรสูงเกินกว่า 66% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันมูลค่า 2,395 ล้านบาทและ 4,000 ล้านบาทของบริษัทจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ ซึ่งบริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่เพื่อจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าว ณ เดือนธันวาคม 2557 สภาพคล่องของบริษัทประกอบด้วยเงินสดมูลค่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 6,000 ล้านบาท และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาทโดยเฉลี่ยต่อปี