ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท “บ. อีซี่ บาย” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 25, 2015 17:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตระดับ “A-” ให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันอายุ 5 ปีของ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นจากการมีฐานเงินทุน ตลอดจนฐานะทางการเงิน และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2551 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประสบการณ์ของผู้บริหารและความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของบริษัทแม่ คือ ACOM Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทให้สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่น
อันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันสะท้อนถึงฐานะการเงินของบริษัทแม่ของ EASY BUY ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัทตามเงื่อนไขสัญญาการค้ำประกันที่กำหนดภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น บริษัทแม่ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนแก่หุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้หากบริษัทอีซี่ บายไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ในกรณีที่บริษัทถูกฟ้องล้มละลายและมีการจ่ายคืนหนี้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่หนี้นั้นถูกเรียกคืน ภาระการชำระหนี้ดังกล่าวจะตกเป็นของบริษัทผู้ค้ำประกันและจะมีผลในการชำระหนี้ทันที นอกจากนี้ หาก ACOM มีการควบรวมกิจการ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการจะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย หาก ACOM ไม่สามารถจ่ายชำระได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมาย ณ ศาลพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ ภาระผูกพันของผู้ค้ำประกันภายใต้สัญญาการค้ำประกันนี้จะมีลำดับของสิทธิเรียกร้องเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่น ๆ ของผู้ค้ำประกัน เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2557 ACOM ได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตจาก Standard & Poor’s เป็น “BBB-” จากระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ภายหลังจากมีการพิจารณาแก้ไขวิธีการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อในประเทศญี่ปุ่นใหม่
แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” สำหรับอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทอีซี่ บายสะท้อนถึงฐานะทางการเงินของผู้ค้ำประกัน ผลประกอบการของ ACOM ปรับตัวเข้มแข็งขึ้นในรอบปีบัญชี 2557 และคาดหวังว่าจะรักษาผลประกอบการที่ดีขึ้นตามแนวโน้มอุตสาหกรรมการให้สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มมีเสถียรภาพได้
การปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ EASY BUY จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลให้อันดับเครดิตของ ACOM ในระบบ International Scale เปลี่ยนแปลงไปจากระดับ “BBB-” นอกจากนี้ ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้ง การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระบบ International Scale 1 ระดับไม่จำเป็นต้องส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในระบบ National Scale 1 ระดับ เสมอไป

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันสะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาด และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีไว้ได้ ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ระมัดระวัง ผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของบริษัท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตและอันดับเครดิตของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่ดีและเงินทุนที่เข้มแข็งของบริษัทช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจและการดำเนินงานในอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค

การปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คาดว่าจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจไม่สนับสนุน ส่งผลต่อการจำกัดความสามารถในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของ EASY BUY อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คาดว่าจะไม่ปรับลดลงในระยะสั้นภายหลังจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น “A-” เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2557 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาระดับฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแรงและมีการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีต่อไป ฐานะทางการเงินของ ACOM ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่รอบปีบัญชี 2555 (เมษายน 2554 - มีนาคม 2555) หลังจากขาดทุนอย่างมากถึง 203 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2554 แม้จะมีพอร์ตสินเชื่อและอัตราผลตอบแทนลดลง แต่บริษัทก็ยังสามารถรักษากำไรสุทธิในระดับ 21 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2555 และ 2556 ไว้ได้ สำหรับรอบปีบัญชี 2557 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2557) ACOM รายงานผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 11 พันล้านเยน ลดลง 49% จากรอบปีบัญชี 2556 เนื่องจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นสาหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และสำหรับใช้คืนแก่ลูกค้าที่จ่ายดอกเบี้ยไว้เกิน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 28 พันล้านเยนสำหรับครึ่งปีแรกในรอบปีบัญชี 2558 บริษัทมีการกระจายตัวไปสู่ธุรกิจการค้ำประกันสินเชื่อโดยการเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่น จึงมีผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้ำประกันสินเชื่อต่อรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนไม่ถึง 5% ในปีงบประมาณ 2553 เป็น 18% สำหรับครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2558 ณ เดือนกันยายน 2557 สินเชื่อรวมของบริษัทอีซี่ บายมีจำนวน 105 พันล้านเยน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 11.3% ของสินเชื่อรวมของ ACOM บริษัทอีซี่ บายเป็นบริษัทย่อยแห่งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของ ACOM และมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับ ACOM ในการเป็นผู้ประกอบการให้สินเชื่อเพื่อการบริโภครายสำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ACOM ยังมีพันธะสัญญาที่เหนียวแน่นกับบริษัทในการให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและธุรกิจอันได้แก่การถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ทางธุรกิจที่ใช้ในทางปฏิบัติอีกด้วย

การมีประสบการณ์มากกว่า 18 ปีในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยส่งผลให้บริษัทอีซี่ บายมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ในขณะที่การสนับสนุนทางการเงินและธุรกิจอย่างต่อเนื่องจาก ACOM เป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมฐานะทางการตลาดและการเติบโตของบริษัทในอนาคต แม้ว่าลักษณะของธุรกิจจะมีการกระจายความเสี่ยงอยู่แล้วจากการปล่อยสินเชื่อต่อรายในจำนวนไม่มากให้แก่ลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก แต่บริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงทางด้านเครดิตเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบเนื่องจากภาครัฐให้ความสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคมากขึ้นด้วย

บริษัทมีระบบบริหารสินทรัพย์ที่ดีและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 โดยอัตราส่วนสินเชื่อค้างชำระมากกว่า 3 เดือนต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 5.6% ในปี 2550 เป็น 2% ตั้งแต่ปี 2554 ถึงเดือนมิถุนายน 2557 ในทางตรงข้าม สัดส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรมกลับเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ณ เดือนมิถุนายน 2557 จาก 3% ในปี 2556 เนื่องจากบริษัทได้ปรับฐานลูกค้าจากกลุ่มผู้ทำงานในโรงงานมาเป็นกลุ่มผู้ทำงานในสำนักงานตั้งแต่ปี 2552 จึงทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจเพียงบางส่วน บริษัทได้นำความรู้ในการดำเนินธุรกิจและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ จาก ACOM มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดของไทย ไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองการให้คะแนนความน่าเชื่อถือของลูกค้า (Credit Scoring) ที่ทันสมัย การบริหารร้านค้าเครือข่าย และฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรฐานและขั้นตอนการติดตามจัดเก็บหนี้เพื่อใช้ควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ บริษัทมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้นตั้งแต่ปี 2550 โดยในปี 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 326 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 925 ล้านบาทในปี 2553 และเป็น 1,310 ล้านบาทในปี 2554 สำหรับปี 2555 รายได้สุทธิยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 1,948 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 49% จากปี 2554 และทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 2,212 ล้านบาทในปี 2556 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1,764 ล้านบาท การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ การขยายจำนวนสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำลง ในวันที่ 31 ตุลาคม 2555 บริษัทได้จัดสรรกำไรสะสมจำนวน 3,600 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นในรูปแบบของหุ้นปันผล ซึ่งมีผลทำให้เงินทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,900 ล้านบาทจาก 300 ล้านบาท ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว บริษัทมีเงื่อนไขที่จะต้องดำรงเงินทุนให้เพียงพอเพื่อให้หนี้สินของบริษัทมีสัดส่วนเท่ากับหรือไม่เกิน 7 เท่าของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัท การเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำไรตั้งแต่ปี 2552 ช่วยเพิ่มฐานทุนของบริษัท ส่งผลให้อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 5.70% ในปี 2550 เป็น 10.58% ในปี 2553 เป็น 14.56% ในปี 2554 เป็น 18.57% ในปี 2555 เป็น 22.94% ในปี 2556 และเป็น 25.56% ณ เดือนกันยายน 2557 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทก็ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยลดลงจาก 14 เท่าในปี 2551 เป็น 2.82 เท่า ณ เดือนกันยายน 2557

บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) (EASY BUY)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
EB152A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
EB15DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
EB156A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,020 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
EB162A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
EB162B: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
EB152B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 340 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A-
EB156B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 480 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A-
EB163A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
EB16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2563 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ