กรุงเทพ--8 พ.ย.--ทริส
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 560 ล้านบาท ของบริษัท ไทยโมเดิร์นพลาสติด อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ในระดับ BBB คงเดิม ทั้งนี้อันดับเครดิต สะท้อนความแข็งแกร่งทางการตลาด ความได้เปรียบในการแข่งขันด้านต้นทุนฐานลูกค้าที่ กระจายตัว และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงของบริษัท โดยที่สภาพธุรกิจที่มีความผันผวนน้อยและมี อัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกสำหรับอันดับเครดิต อย่างไรก็ตามบริษัทมีความ เสี่ยงจากเงื่อนไขการเข้าสู่อุตสหากรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ง่าย ภาวะผันผวนของเม็ด พลาสติด และโครงสร้างหนี้ในอัตราที่ค่อนข้างสูงจากการขยายธุรกิจของบริษัท
มีการคาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้งจะ เติบโตในอัตรา 15-20% ต่อปีในอีกหลายปีข้างหน้าเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงใน พฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภคในด้านบรรจุภัณฑ์ การผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็น อุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนักและใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งทำให้ เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ได้ง่าย ในขณะที่ความเสี่ยงของธุรกิจเกิดขึ้นจากภาวะผันผวน ของเม็ดพลาสติกและการแข่งขันจากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนกันได้
ธุรกิจหลักของบริษัท คือการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารซึ่งมีสัดส่วนถึง 85% ของยอดขาย บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทใช้แล้วทิ้ง ประมาณ 50% ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการกระจายตัวของลูกค้า ซึ่งแต่ละรายมี ยอดซื้อไม่เกิน 6% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท ช่วยเสริมให้บริษัทมีรายได้ที่สม่ำเสมอ จุดแข็งของบริษัทคือการมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำอันเนื่องมาจากการผลิตที่ครบวงจร เครื่อง จักรกลและโรงงานที่มีประสิทธิภาพ การประหยักต่อขนาด และค่าโสหุ้ยที่ต่ำลง นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง นโยบายการตลาดที่มีปประสิทธิภาพ และช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง การขยาย กำลังการผลิตของบริษัทในระยะยาว ความต้องการอย่างต่อเนื่องในบรรจุภัณฑ์พลาสติก สำหรับอาหารส่งผลให้กระแสเงินสดของบริษัทมีความสม่ำเสมอ อัตราส่วนเงินทุนจากการ ดำเนินงานต่อหนี้สินรวมและอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะดีขึ้นจากการที่ บริษัทมีรายได้ที่สูงขึ้นและภาระหนี้สินที่ลดลง แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องแต่ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะเพียงพอ ต่อค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคต ทั้งนี้ทริสคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงอย่าง ต่อเนื่องจาก 52% ณ เดือน มิถุนายน 2539 เป็น 41% ในปี 2541 ด้วยเงื่อนไขที่บริษัท จะไม่มีการก่อหนี้เพิ่มอีกในอนาคต--จบ--
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 560 ล้านบาท ของบริษัท ไทยโมเดิร์นพลาสติด อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ในระดับ BBB คงเดิม ทั้งนี้อันดับเครดิต สะท้อนความแข็งแกร่งทางการตลาด ความได้เปรียบในการแข่งขันด้านต้นทุนฐานลูกค้าที่ กระจายตัว และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงของบริษัท โดยที่สภาพธุรกิจที่มีความผันผวนน้อยและมี อัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกสำหรับอันดับเครดิต อย่างไรก็ตามบริษัทมีความ เสี่ยงจากเงื่อนไขการเข้าสู่อุตสหากรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ง่าย ภาวะผันผวนของเม็ด พลาสติด และโครงสร้างหนี้ในอัตราที่ค่อนข้างสูงจากการขยายธุรกิจของบริษัท
มีการคาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้งจะ เติบโตในอัตรา 15-20% ต่อปีในอีกหลายปีข้างหน้าเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงใน พฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภคในด้านบรรจุภัณฑ์ การผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็น อุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนักและใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งทำให้ เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ได้ง่าย ในขณะที่ความเสี่ยงของธุรกิจเกิดขึ้นจากภาวะผันผวน ของเม็ดพลาสติกและการแข่งขันจากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนกันได้
ธุรกิจหลักของบริษัท คือการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารซึ่งมีสัดส่วนถึง 85% ของยอดขาย บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทใช้แล้วทิ้ง ประมาณ 50% ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการกระจายตัวของลูกค้า ซึ่งแต่ละรายมี ยอดซื้อไม่เกิน 6% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท ช่วยเสริมให้บริษัทมีรายได้ที่สม่ำเสมอ จุดแข็งของบริษัทคือการมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำอันเนื่องมาจากการผลิตที่ครบวงจร เครื่อง จักรกลและโรงงานที่มีประสิทธิภาพ การประหยักต่อขนาด และค่าโสหุ้ยที่ต่ำลง นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง นโยบายการตลาดที่มีปประสิทธิภาพ และช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง การขยาย กำลังการผลิตของบริษัทในระยะยาว ความต้องการอย่างต่อเนื่องในบรรจุภัณฑ์พลาสติก สำหรับอาหารส่งผลให้กระแสเงินสดของบริษัทมีความสม่ำเสมอ อัตราส่วนเงินทุนจากการ ดำเนินงานต่อหนี้สินรวมและอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะดีขึ้นจากการที่ บริษัทมีรายได้ที่สูงขึ้นและภาระหนี้สินที่ลดลง แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องแต่ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะเพียงพอ ต่อค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคต ทั้งนี้ทริสคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงอย่าง ต่อเนื่องจาก 52% ณ เดือน มิถุนายน 2539 เป็น 41% ในปี 2541 ด้วยเงื่อนไขที่บริษัท จะไม่มีการก่อหนี้เพิ่มอีกในอนาคต--จบ--