ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นเดียวกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืม อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางถึงสูง และรายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง ภาระหนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับค่อนข้างสูงและการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะรักษาระดับอยู่ที่ต่ำกว่า 60% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และยอดขายที่ลดลง จนเป็นเหตุให้อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายต่ำกว่า 2 เท่า และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่า 60% ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจมีการปรับขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ระดับปัจจุบันไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 50%
บริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ก่อตั้งในปี 2526 ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ เดือนมีนาคม 2558 ประกอบด้วย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (11%) บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยรายได้จัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคาหลังละ 5 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานในระดับที่ยอมรับได้ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยราคาระดับล่างซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1-3 ล้านบาทต่อหลัง โดยตราสัญลักษณ์ที่อยู่อาศัยของบริษัทเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างสูงในกลุ่มผู้ซื้อบ้านจัดสรร
ฐานะการเงินของบริษัทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ที่ 3,936 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ที่ 6,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายประมาณ 70% มาจากโครงการในแนวราบ อีกทั้งบริษัทยังเปิดขายโครงการ “Q Sukhumvit” มูลค่าโครงการ 8,531 ล้านบาท โดยโครงการ Q Sukhumvit มียอดขายแล้ว 16% ของมูลค่าทั้งหมด หรือคิดเป็น 20% ของยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2558
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีมูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) อยู่ที่ 8,108 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบซึ่งจะโอนในปี 2558-2559 จะมีมูลค่าประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ที่ 10% ลดลงจาก 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 อยู่ที่ 59% เพิ่มขึ้นจาก 57% ณ สิ้นปี 2557
ในช่วงปี 2558-2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้จากโครงการแนวราบคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60%-70% ของรายได้ทั้งหมด อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าจะค่อนข้างมีเสถียรภาพ ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะต่ำกว่า 60% เมื่อพิจารณาจากแผนการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทที่มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี
บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ภาระหนี้ระยะยาวซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้ามีมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะชำระคืนหนี้ส่วนใหญ่ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ แหล่งสภาพคล่องของบริษัทได้แก่เงินสด 2,287 ล้านบาทและวงเงินระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 3,442 ล้านบาท รวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ สภาพคล่องของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยมูลค่ายุติธรรมที่ 27,810 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ด้วย