ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท“บ. การบินไทย” ที่ระดับ “A+/Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 17, 2015 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Negative” หรือ “ลบ” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระและสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยอันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่บริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่ารัฐบาลมีการติดตามแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทอย่างใกล้ชิดและจะให้การสนับสนุนที่เข้มแข็งและทันการณ์โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการมีภาระหนี้ในระดับสูง ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ต้นทุนในการดำเนินงานอยู่ในระดับสูง และความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ และความผันผวนของราคาน้ำมัน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรมการบินและอัตรากำไรของบริษัทที่ปรับลดลง การบรรลุเป้าหมายของแผนการปฏิรูปธุรกิจหรือการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐจะเป็นผลดีต่ออันดับเครดิต ในทางตรงข้ามอันดับเครดิตจะได้รับผลกระทบหากภาครัฐลดการสนับสนุนและบริษัทดำเนินแผนการปฏิรูปธุรกิจไม่สำเร็จ

บริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซียซึ่งให้บริการการบินเต็มรูปแบบและให้บริการสายการบินคุณภาพระดับกลางผ่านบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ “ไทยสมายล์” นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 39.2% ใน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำรายสำคัญในประเทศไทยด้วย โดยในเดือนกันยายน 2558 บริษัทให้บริการเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 60 แห่งทั่วโลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 591 เที่ยวต่อสัปดาห์ และให้บริการเส้นทางการบินในประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 11 แห่ง ด้วยเที่ยวบินจำนวน 399 เที่ยวต่อสัปดาห์

บริษัทมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจเนื่องจากกระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 51% และธนาคารออมสินยังถือหุ้นในบริษัทอีก 2.1% ด้วย ในขณะที่หุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.1% ที่ถือโดยกองทุนวายุภักษ์นั้นจัดเป็นการถือหุ้นโดยผู้ลงทุนภาคเอกชนแม้กองทุนวายุภักษ์จะได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม

ในปี 2557 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยลดลง 7% เป็น 24.78 ล้านคนเนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่ออัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัท โดยอัตราส่วนดังกล่าวปรับลดลงสู่ระดับ 69% ในปี 2547 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 74.1% ในปี 2556 อันเป็นผลจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารของบริษัทที่ลดลงอย่างมากถึง 17.4% และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจากสายการบินต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม จากการมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์ที่ไม่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.6% สู่ระดับ 14.76 ล้านคน ซึ่งมาจากการเติบโตอย่างมากของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ส่งผลให้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 72.8% เทียบกับระดับ 66.9% ของช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์อาจจะลดอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การควบคุมสถานการณ์ได้ดีจะช่วยจำกัดผลกระทบภายในระยะเวลาอันสั้น

ในเดือนมกราคม 2558 หลังการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) บริษัทดำเนินแผนการปฏิรูปธุรกิจ โดยยกเลิกเส้นทางการบินที่ไม่มีกำไร ปลดระวางเครื่องบิน 7 ลำ และเสนอโครงการเกษียณก่อนกำหนดแก่พนักงาน บริษัทยังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงยังคงช้ากว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าการดำเนินการตามแผนปฏิรูปธุรกิจจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการทำกำไร

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวสู่ระดับ 12.1% จากระดับ 3.3% ในปี 2557 โดยการปรับตัวดีขึ้นส่วนใหญ่เนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงได้เพิ่มการแข่งขันให้รุนแรงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะจากสายการบินต้นทุนต่ำซึ่งส่งผลให้อัตราการทำกำไรของบริษัทยังถูกกดดันต่อไป ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีข้างหน้าหากแผนการปฏิรูปธุรกิจบรรลุเป้าหมาย ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับประมาณ 20%

ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสู่ระดับสูงสุดที่ 87.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไปในการจัดหาเครื่องบินและผลการดำเนินงานขาดทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในระยะปานกลางภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วงปี 2559-2561 บริษัทมีแผนรับมอบเครื่องบินจำนวน 14 ลำ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนลงทุนจำนวน 55,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีความจำเป็นต้องลงทุนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบิน ทั้งนี้ การใช้งานเครื่องบินใหม่จะเกิดประโยชน์หลายประการ เช่น ปริมาณการใช้น้ำมันและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ลดลง ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะมีแผนลดภาระหนี้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 2.2% ในปี 2557 เป็น 4.5% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ส่วนอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 0.7 เท่า เป็น 2.1 เท่าในช่วงเดียวกัน ในระหว่างปี 2559-2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับสูงกว่า 10% และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะสูงกว่า 2.5 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีเงินสดอยู่ที่ระดับ 22,525 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายจำนวน 7,600 ล้านบาท ส่วนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะต้องชำระคืนเงินกู้จำนวน 24,149 ล้านบาทและมีภาระเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 18,396 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจัดหาแหล่งเงินเพื่อสำรองให้เพียงพอต่อการชำระหนี้และป้องกันต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ นอกจากนี้ คาดว่าภาครัฐยังคงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทเมื่อมีความจำเป็น

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THAI165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
THAI16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
THAI174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
THAI17OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
THAI185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
THAI185B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,445 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
THAI185C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
THAI188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
THAI192A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
THAI192B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
THAI19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
THAI19DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,230 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
THAI204A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
THAI208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
THAI212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
THAI215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 833 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
THAI215B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,167 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
THAI21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,340 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
THAI222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
THAI224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
THAI22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
THAI238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
THAI242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
THAI243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
THAI24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,430 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
THAI254A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2568 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ