ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “บ. ล็อกซเล่ย์” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 23, 2015 16:45 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวค้ำประกันโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารจะค้ำประกันการจ่ายเงินในสัดส่วน 45% ของมูลค่าหุ้นกู้ หรือในวงเงินไม่เกิน 450 ล้านบาท บริษัทจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้ระยะยาว ในขณะที่เงินส่วนที่เหลือจะสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการมีธุรกิจที่หลากหลายและความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายของบริษัท การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดจำนวนมากที่ได้รับจากเงินปันผลจากบริษัทร่วมที่มีผลกำไรด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำและมีความผันผวนของรายได้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากงานโครงการ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะการแข่งขันในการประมูลงานและสร้างรายได้จากงานโครงการในระดับที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและได้รับผลตอบแทนจากบริษัทร่วมที่สร้างกำไร ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้ายกเว้นในกรณีที่บริษัทสามารถปรับปรุงอัตราการทำกำไรและการลงทุนของบริษัทได้รับผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากรายได้ของบริษัทปรับลดลงอย่างมาก รวมทั้งอัตราการทำกำไรของบริษัทปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือเงินปันผลรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

สถานะทางธุรกิจของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจเนื่องจากบริษัทมีแหล่งรายได้จากหลายธุรกิจซึ่งช่วยลดความผันผวนของรายได้ลง บริษัทก่อตั้งในปี 2482 โดยประกอบธุรกิจที่หลากหลายผ่านการถือหุ้นทั้งหมดหรือถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทย่อยต่าง ๆ บริษัทให้บริการและจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายโดยแบ่งสายธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) สายธุรกิจเทคโนโลยี (2) สายธุรกิจการค้า และ (3) สายธุรกิจบริการ บริษัทเป็นทั้งผู้ให้บริการเองและลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าหลายแห่ง โดยบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าช่วยขยายขอบเขตกิจการของบริษัทออกไปในหลาย ๆ ธุรกิจ เช่น การผลิตและจำหน่ายน้ำมันเครื่อง เหล็กแผ่นเรียบเคลือบโลหะและเคลือบสี สายใยแก้วนำแสง รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอื่น ๆ

รายได้จากสายธุรกิจเทคโนโลยีโดยเฉลี่ยคิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับความผันผวนของรายได้และกำไรของงานโครงการ บริษัทจึงพยายามสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ๆ โดยปัจจุบันรายได้ประจำของบริษัทมาจากสายธุรกิจการค้าและสายธุรกิจบริการซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 32%-36% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

อันดับเครดิตของบริษัทยังพิจารณาถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีชื่อเสียงที่ดีในการประกอบธุรกิจโดยเฉพาะจากผลงานที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าภาครัฐหลายแห่ง บริษัทมีคณะผู้บริหารและพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ โดยพนักงานของบริษัทผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีและมีความสามารถในการให้บริการและจำหน่ายสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพในระดับสูง นอกจากนี้ การมีความชำนาญทางเทคนิคระดับสูงของพนักงานยังช่วยสร้างนวัตกรรมหรือเพิ่มโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ให้แก่บริษัทอีกด้วยแม้ว่าจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถชนะการประมูลงานภาครัฐจำนวนมากได้อยู่เสมอ

บริษัทได้รับเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจจากบริษัทร่วมที่สร้างกำไร โดยบริษัทร่วมหลักเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ บริษัท บีพี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันและก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ บริษัท บลูสโคปสตีล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นแนวหน้าซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย โดยเงินปันผลเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่แน่นอนและสม่ำเสมอของบริษัทเนื่องจากบริษัทร่วมมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีมาก

ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตของบริษัทก็ถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและมีรายได้ที่ผันผวน ผลการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่มาจากงานโครงการโดยเฉพาะในสายธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งขึ้นอยู่กับโครงการของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ อัตรากำไรของงานโครงการดังกล่าวจึงค่อนข้างต่ำเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งโครงการของภาครัฐส่วนใหญ่จะต้องมีการประมูลแข่งขันกัน จึงส่งผลให้รายได้ของบริษัทขึ้นอยู่กับงบประมาณรายจ่ายและโครงการใหม่ ๆ ของภาครัฐ ดังนั้นงานของบริษัทจึงมีความเสี่ยงต่ำในการผิดนัดชำระเงินแต่ก็มีอัตราการทำกำไรที่ต่ำด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การประมูลงานโครงการภาครัฐอาจเกิดความล่าช้าหรืออาจมีการยกเลิกซึ่งยิ่งสร้างความผันผวนให้แก่รายได้มากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งบริษัทและคู่แข่งที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีซึ่งส่งผลให้สินค้าหรือบริการบางอย่างอาจล้าสมัยได้

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 รายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง 21% สู่ระดับ 8,056 ล้านบาทเนื่องจากความล่าช้าของโครงการภาครัฐ อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานสูง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 1.7% เนื่องจากรายได้ปรับตัวลดลง

ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเงินกู้สำหรับโครงการ ภาระหนี้มักเพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทได้งานโครงการใหม่ ๆ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3,017 ล้านบาท ส่วนอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 32.3% ในช่วงปี 2559-2561 บริษัทมีแผนในการลงทุนปีละ 180 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30%

สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้จากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม โดยเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งหักกำไรส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมและบวกเงินปันผลอยู่ที่ระดับประมาณ 700 ล้านบาทในปี 2556-2557 สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 133 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทลดลงจาก 26.9% ในปี 2557 เป็น 15.5% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายนั้นปรับตัวลดลงจาก 5.3 เท่า เป็น 2.4 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 508 ล้านบาทและเงินลงทุนชั่วคราวจำนวน 403 ล้านบาท บริษัทมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ประมาณ 2,132 ล้านบาท โดยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทมีภาระในการชำระหนี้ระยะยาว 113 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 2,008 ล้านบาทโดยเป็นเงินกู้ยืมสำหรับงานโครงการจำนวน 1,221 ล้านบาท

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 2558 จะปรับตัวลดลงราว 15% เนื่องจากความล่าช้าของงานภาครัฐ ดังนั้น คาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน โดยที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะปรับตัวลงสู่ระดับ 10% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3 เท่า ในระหว่างปี 2559-2561 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 14,000-17,000 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1%-2% ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจำนวน 500-600 ล้านบาทต่อปีจากการลงทุน ทริสเรทติ้งประเมินว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับ 20% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5 เท่า

บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (LOXLEY)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2563 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ