ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท “บ. พลังงานบริสุทธิ์” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 16, 2016 09:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” หุ้นกู้ดังกล่าวค้ำประกันโดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์จะค้ำประกันการจ่ายเงินในสัดส่วน 65% ของมูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ โดยบริษัทจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้ระยะยาว ในขณะที่เงินส่วนที่เหลือจะสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreements -- PPA) กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงการเป็นผู้ประกอบธุรกิจไบโอดีเซล (B100) รายใหญ่ของประเทศ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงในการก่อสร้างและการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงประวัติผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ยังสั้นของบริษัทและโครงสร้างเงินทุนที่มีเงินกู้สูงจากแผนการลงทุนของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทจะยังคงสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ โดยรักษาประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าโดยเฉลี่ยให้อยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 79% และคาดหวังว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 2 โครงการและมีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ หากมีการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคตคาดว่าบริษัทจะมีการเพิ่มทุนเพื่อรักษาโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมไว้ได้

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อโรงไฟฟ้าพลังงานลมเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่คาดได้อย่างยั่งยืนก็จะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากผลประกอบการของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญและส่งผลให้บริษัทไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง หรือหากสถานะการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจากการลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมาก

บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เดิมชื่อ บริษัท ซันเทค ปาล์มออยส์ จำกัด บริษัทก่อตั้งในปี 2549 เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล ต่อมาบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2551 และในช่วงปลายปี 2555 บริษัทเริ่มขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ในปี 2556 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายสมโภชน์ อาหุนัย ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 43% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 664 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการ โรงไฟฟ้าที่มีการจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 4 โครงการ (รวมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ล่าสุดที่จังหวัดพิษณุโลก เริ่มจำหน่ายไฟฟ้า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559) กำลังการผลิตรวม 278 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 386 เมกะวัตต์

ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 4,100 ล้านบาท โดย 90% มาจากผลประกอบการของธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในจังหวัดลพบุรี นครสวรรค์ และลำปาง

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทมีสัญญา PPA กับ กฟผ. ภายใต้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer -- SPP) 3 โครงการ จำนวนรวม 270 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 6.5 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงเป็นเวลา 10 ปี ในปี 2558 บริษัทผลิตไฟฟ้าได้ทั้งหมดจำนวน 396 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าปี 2557 ที่ 213 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 86% โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตเพิ่มขึ้นนี้มาจากการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดลำปาง

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ ตั้งแต่เริ่มดำเนินงานบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าโดยเฉลี่ยสูงกว่าประมาณการราว 11% เมื่อใช้ความน่าจะเป็นที่ 90% หรือ P90 โดยเฉพาะในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดลำปางซึ่งมีการติดตั้งระบบควบคุมแผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ (Tracker) ซึ่งระบบดังกล่าวได้นำมาใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดพิษณุโลกด้วย โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าให้ดีขึ้น

อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่บริษัทเป็นผู้ประกอบรายใหญ่ในธุรกิจการผลิตและจำหน่าย ไบโอดีเซลภายในประเทศ เมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตรวมของประเทศสำหรับปี 2558 บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตจนปัจจุบันอยู่ที่ 800,000 ลิตรต่อวัน และมีการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิตและผลกำไรที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง สำหรับปี 2558 ธุรกิจไบโอดีเซล มี EBITDA อยู่ที่ประมาณ 560 ล้านบาท

อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ได้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน (HKH) ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาอยู่ที่ 126 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลา และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน (HNM) ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาอยู่ที่ 260 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดชัยภูมิ บริษัทคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HKH และ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HNM จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในช่วงกลางปี 2559 และปี 2561 ตามลำดับ การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมีความเสี่ยงที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากปัจจัยหลายประการ อาทิ ความซับซ้อนจากการก่อสร้างและการติดตั้งอุปกรณ์หลักซึ่งส่งผลต่อความเสี่ยงของงบประมาณลงทุนและความล่าช้าของโครงการ นอกจากนี้ การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานลมยังมีความเสี่ยงในเรื่องความไม่แน่นอนของความแรงของกระแสลมมากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้และเสถียรภาพของกระแสเงินสดจากโครงการ

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทถือว่ามีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง บริษัทจัดโครงสร้างการลงทุนในโรงไฟฟ้าในรูปของสินเชื่อโครงการ โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 3 เท่าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และที่ 2.3 เท่าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน ตามลำดับ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทสูงขึ้นจาก 58.2% ณ สิ้นปี 2556 มาอยู่ที่ 72.3% ณ สิ้นปี 2558 และที่ 71.4% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 ตามความคืบหน้าของการลงทุน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดจากภาระหนี้สินในระดับสูงนี้ถูกลดทอนไปบางส่วนจากกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีความแน่นอนและคาดการณ์ได้ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ -- EBITDA Margin) ที่สูงเนื่องจากได้รับ Adder และมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำ

ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ในช่วง 50%-55% ในระหว่างปี 2559-2562 เนื่องจากบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งมี EBITDA Margin ที่สูงกว่าธุรกิจไบโอดีเซล อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะมี EBITDA Margin ที่ต่ำกว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากได้รับ Adder ที่น้อยกว่าและมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงกว่า ทั้งนี้ อัตรา Adder ที่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมได้รับอยู่ที่ 3.5 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อัตรา 6.5 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในช่วงอีก 4 ปีข้างหน้า คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หลังจากที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมของบรษัททั้ง 2 โครงการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและบริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาที่ดำเนินงานอยู่ทั้งหมด 664 เมกะวัตต์ หลังจากนั้นตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปคาดว่า EBITDA จะค่อย ๆ ลดลงเนื่องจากการทยอยหมดอายุของ Adder

ในช่วงปี 2559-2562 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจนถึงระดับ 60%-65% เมื่อโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทเริ่มดำเนินการและมีผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับ 15%-20%

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html






เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ