ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 17,000 ล้านบาท “บ. ซีพีเอฟ (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 4, 2016 09:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 17,000 ล้านบาทของ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้เดิม ใช้ลงทุนตามแผน และให้กู้ยืมแก่บริษัทในกลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร โดยอันดับเครดิต “A+” ยังคงสะท้อนถึงการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิต A+/Stable) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของประเทศ ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการดำเนินงานของบริษัทที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่ด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทยของกลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร โดยที่อันดับเครดิตของบริษัทจะเป็นไปตามอันดับเครดิตของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดใดที่เกี่ยวเนื่องกับอันดับเครดิตของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารถือหุ้นในสัดส่วน 99.98% บริษัทก่อตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยการรวมบริษัทย่อยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำนวน 10 บริษัทที่ประกอบธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทยเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสัตว์บกที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหาร บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจสัตว์บกของประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจอาหารสัตว์ภายในประเทศประมาณ 1 ใน 3 และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจไก่และสุกรประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณที่ผลิตภายในประเทศ ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหาร ในปี 2558 ธุรกิจเลี้ยงสัตว์สร้างรายได้มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 47% ของรายได้รวมของบริษัท รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (28%) และธุรกิจอาหาร (25%) รายได้ประมาณ 85% ของบริษัทมาจากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 ช่องทางการจำหน่ายของบริษัทประกอบด้วยซุ้มขาย “ไก่ย่าง 5 ดาว” จำนวน 4,870 แห่ง ร้าน “ซีพี เฟรช มาร์ท” 416 สาขา และร้าน “ซีพี คิทเช่น” และ “ซีพี ฟู้ดเวิลด์” รวมอีก 13 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้รวมของบริษัทอีกด้วย โดยเป็นการส่งออกทางอ้อมผ่าน บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร

บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารในการดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทย ในปี 2558 บริษัทมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 32% ของรายได้รวมของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย คิดเป็นสัดส่วน 21% ของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร มีส่วนในการกำหนดทิศทางของบริษัทโดยการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของตน มาเป็นผู้บริหารของบริษัทอีกด้วย

ผลประกอบการของบริษัทมีความผันผวนเป็นไปตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมสัตว์บก หลังจากที่บริษัทสร้างกำไรระดับสูงในปี 2557 กำไรของบริษัทอ่อนตัวลงมากในปี 2558 จากภาวะอุปทานส่วนเกินของสัตว์บกภายในประเทศ ราคาสัตว์บกภายในประเทศที่ตกต่ำ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปี 2558 ลดลง 3.4% จากปีก่อนหน้าเป็น 135,975 ล้านบาท อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายก็ลดลงจากระดับที่สูงถึง 7.6% ในปี 2557 เป็น 3.8% ในปี 2558 ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทก็ปรับตัวลดลง 46.5% เป็น 6,220 ล้านบาทในปี 2558 จากระดับ 11,626 ล้านบาทในปี 2557

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของราคาสุกร ปริมาณไก่ส่งออกที่แข็งแกร่ง และการลดลงของราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพด รายได้ของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2559 เท่ากับ 34,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 8.2% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2559 เท่ากับ 2,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 994 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ภาระหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่สูง โดยหนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 26,619 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 เป็น 35,167 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 จากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงในปี 2558 และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 55.4% ณ สิ้นปี 2557 มาอยู่ที่ระดับ 60.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 กระแสเงินสดส่วนเกินสำหรับรองรับการชำระหนี้ของบริษัท ลดลงในปี 2558 และปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2559 ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 11.3 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2559 เทียบกับ 3.9 เท่าในปี 2558 และ 8.5 เท่าในปี 2557 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงจากระดับ 44.3% ในปี 2557 มาอยู่ที่ระดับ 20.5% ในปี 2558 และปรับเพิ่มขึ้นเท่ากับ 26.2% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559ในอนาคตคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ในระดับไม่สูง อุปสงค์ที่แข็งแกร่งของไก่ในตลาดส่งออก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ITOCHU Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของประเทศญี่ปุ่น น่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทอีกทางหนึ่ง ภายใต้สมมติฐานกรณีฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในปี 2559-2561 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 9,000-11,000 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทมีแผนสำหรับการลงทุนขยายงานจำนวน 5,000-6,500 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารเพิ่มทุนจำนวน 10,511 ล้านบาทให้แก่บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 60% เนื่องจากบริษัทจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ครั้งนี้จำนวน 17,000 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับ 5-6 เท่าในช่วงปี 2559-2561 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ที่ระดับ 15%-20% ในช่วงเดียวกัน

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CPFTH)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPFTH211A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
CPFTH231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPFTH261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPFTH281A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 17,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ