บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในปัจจุบัน และอันดับเครดิตตั๋วแลกเงินของบริษัทคงเดิมที่ระดับ "A-" ในขณะเดียวกันได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" โดยแนวโน้มอันดับเครดิตอยู่ที่ "Stable" หรือ "คงที่" อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเช่าซื้อรถยนต์และประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนด้วยการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเนื่องจากการเข้าสู่ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ของบริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อในเครือของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และการเข้าสู่ตลาดเช่าซื้อทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์เก่าของบริษัทเงินทุน
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" สะท้อนถึงความสามารถในการดำรงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดและสามารถรักษาระดับการขยายตัวของสินเชื่อต่อไปได้ตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง การมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่ระมัดระวังจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับหนี้ค้างชำระในระดับที่ยอมรับได้ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2547 เมื่อเทียบกับปี 2546 ก็ตาม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จะใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2548 โดยหุ้นกู้ชุดใหม่นี้คาดว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหุ้นกู้ชุดเดิม ในเดือนธันวาคม 2547 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทได้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 15.55 ล้านหน่วยเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคา 35 บาทต่อหุ้น ปัจจุบัน ธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 27.97% ทั้งนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแม้จะไม่มากเหมือนช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถขยายสินเชื่อรวมของบริษัทให้สอดคล้องไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10%-15% ในปี 2548 ได้ -- จบ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" สะท้อนถึงความสามารถในการดำรงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดและสามารถรักษาระดับการขยายตัวของสินเชื่อต่อไปได้ตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง การมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่ระมัดระวังจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับหนี้ค้างชำระในระดับที่ยอมรับได้ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2547 เมื่อเทียบกับปี 2546 ก็ตาม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จะใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2548 โดยหุ้นกู้ชุดใหม่นี้คาดว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหุ้นกู้ชุดเดิม ในเดือนธันวาคม 2547 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทได้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 15.55 ล้านหน่วยเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคา 35 บาทต่อหุ้น ปัจจุบัน ธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 27.97% ทั้งนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแม้จะไม่มากเหมือนช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถขยายสินเชื่อรวมของบริษัทให้สอดคล้องไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10%-15% ในปี 2548 ได้ -- จบ