ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ “BBB+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 13, 2016 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) และธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท รวมทั้งความคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะยังคงให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลักและฐานะการเงินที่อ่อนตัวลงของบริษัทจากต้นทุนค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิร์ทซ์ที่สูง รวมถึงเงินลงทุนจำนวนมากที่ต้องใช้ในการขยายโครงข่าย สำหรับการใช้โทรศัพท์ 4G (4th Generation) และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจหลักเอาไว้ได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งมีความสามารถในการทำกำไรและสร้างกระแสเงินสดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลง ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงจนทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับเพิ่มสูงเกินกว่า 65% ในระยะเวลาที่ต่อเนื่อง

บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งในปี 2533 และดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่มซึ่งประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ (TrueOnline) ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศและโทรศัพท์พื้นฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลุ่มธุรกิจทรูโมบาย (True Mobile) ซึ่งให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์ (TrueVisions) ซึ่งให้บริการช่องทีวีระบบบอกรับสมาชิกและทีวีดิจิตอล 2 ช่อง ในปี 2558 บริษัทมีรายได้ 1.19 แสนล้านบาท โดยธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้บริษัทในสัดส่วน 23% 69% และ 8% ตามลำดับ ในขณะที่สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 51% 45% และ 4% ตามลำดับ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสารที่หลากหลาย โดยทรูออนไลน์มีสัดส่วนทางการตลาดจากรายได้การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศประมาณ 42% ในขณะที่ทรูวิชั่นส์เป็นผู้นำในการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกด้วยรายการที่หลากหลายจากทั้งในและต่างประเทศ โดย ณ เดือนมีนาคม 2559 ทรูวิชั่นส์มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกรวมประมาณ 3.2 ล้านราย ส่วนทรูโมบายนั้นก็เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลำดับที่ 3 ของประเทศ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 22% ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังสะท้อนถึงการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักของบริษัททั้ง 2 รายด้วยคือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 57% และ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทอยู่ที่ 18% โดย China Mobile เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในโลก

การได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิร์ทซ์ช่วยสนับสนุนศักยภาพและสถานะในการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่บริษัท บริษัทได้หันมาเน้นการให้บริการด้านข้อมูลแทนบริการด้านเสียงเช่นเดียวกับผู้ให้บริการรายอื่น เนื่องจากบริษัทมีจำนวนคลื่นความถี่สำหรับให้บริการมากที่สุดทำให้มีความได้เปรียบในการบริหารจัดการคลื่นความถี่เพื่อตอบสนองความต้องการบริการด้านข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ฐานะทางธุรกิจของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถที่บริษัทจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทถูกลดทอนจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลักซึ่งกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานะการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลงด้วย ความต้องการบริการด้านข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างต้องการได้ใบอนุญาตคลื่นความถี่ในระยะยาว ซึ่งเห็นได้จากการประมูลที่ผ่านมาที่มีการแข่งขันสูงมากจนทำให้ราคาใบอนุญาตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก บริษัทประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิร์ทซ์ในราคารวมประมาณ 1.16 แสนล้านบาท ราคาค่าใบอนุญาตที่สูงส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลง โดยภาระหนี้ของบริษัท (รวมหนี้สินจากการเช่าดำเนินงานและค่าใบอนุญาตค้างจ่าย) เพิ่มขึ้นจากประมาณ 9.45 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 เป็น 2.38 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 6 หมื่นล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2559 เพื่อสนับสนุนการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่และการลงทุนที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับขยายโครงข่าย 4G แม้จะมีการเพิ่มทุน แต่ภาระหนี้ของบริษัทก็จะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากบริษัทมีแผนจะลงทุนขยายโครงข่ายรวมประมาณ 5.16 หมื่นล้านบาทจนถึงปี 2564

บริษัทมีรายได้ 1.19 แสนล้านบาทในปี 2558 และ 2.9 หมื่นล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2559 ซึ่งหากไม่รวมรายได้จากการที่บริษัทส่งมอบเสาโทรคมนาคมให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) มูลค่า 6 พันล้านบาทในปี 2558 และ 1 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2558 แล้ว รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2558 และ 6% ในไตรมาสแรกของปี 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยมีธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง ในช่วงปี 2559-2561 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.25-1.41 แสนล้านบาทต่อปี หรือเติบโตประมาณปีละ 5%-7% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องของบริการด้านข้อมูลในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และการเติบโตที่สม่ำเสมอจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนกว่าคู่แข่งและคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ ในภาวะที่ตลาดใกล้ถึงจุดอิ่มตัวและมีความอ่อนไหวด้านราคา ผู้ประกอบการจะใช้การแข่งขันด้านราคาและการตลาดที่รุนแรงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการ เนื่องจากบริษัทต้องสร้างรายได้จากการลงทุนในคลื่นความถี่ใหม่ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นก็ต้องรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองเอาไว้ จึงคาดว่าอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 22%-27% ในช่วงปี 2559-2561 เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 2-3.3 หมื่นล้านบาทต่อปี และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ที่ระดับ 11%-20% ในปี 2559-2561

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงจากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ แต่ก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทน่าจะลดลงจากระดับ 75.5% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 มาอยู่ที่ 55%-61% ในปี 2559-2561 บริษัทจะเผชิญกับแรงกดดันด้านสภาพคล่องในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้อย่างต่ำประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งจะมีเงินจากการเพิ่มทุน 6 หมื่นล้านบาท และมีเงินสดและเทียบเท่าเงินสดประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 ในขณะที่บริษัทมีหนี้สินที่ครบกำหนดชำระรวมประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าบริษัทจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนสภาพคล่อง

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
TRUE174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
TRUE177A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,213 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
TRUE183A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
TRUE22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วน 8,330 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ