ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. ศุภาลัย” ที่ “A/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 9, 2016 09:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่เป็นที่รู้จักในตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงไปบางส่วนจากระดับการก่อหนี้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจากหนี้ภาคครัวเรือนทั่วประเทศที่อยู่ในระดับสูง และลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ที่ 20%-25% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า การปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นในกรณีที่ผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ รายได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในสัดส่วนที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ในทางกลับกัน ความสามารถในการทำกำไรหรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่ด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทลงในอนาคต

บริษัทศุภาลัยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2559 ตระกูลตั้งมติธรรมซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 29% และบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 152 โครงการ ด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือประมาณ 50,000 ล้านบาท บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากประมาณ 34,500 ล้านบาท หรือ 1.6 เท่าของฐานรายได้ โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็น 56% และโครงการบ้านจัดสรรอีก 44% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้

บริษัทมองหาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2556 โดยบริษัทได้ซื้ออาคารสำนักงานในประเทศฟิลิปปินส์มูลค่าประมาณ 900 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2556 และยังได้ลงทุนในกิจการร่วมค้าอีก 4 แห่งกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศออสเตรเลียมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทในช่วงปี 2557 จนถึงครึ่งแรกของปี 2559 ซึ่งกิจการร่วมค้าทั้ง 4 แห่งดังกล่าวดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนในต่างประเทศยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ขณะที่รายได้ค่าเช่าและส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากการลงทุนในต่างประเทศก็ยังเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

ยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 23,509 ล้านบาทในปี 2558 เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 13.4% เป็น 12,853 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น 35.7% เป็น 10,656 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นอย่างมากของยอดขายโครงการบ้านจัดสรรส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทเปิดขายโครงการประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 20.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 10,010 ล้านบาท ยอดขายโครงการบ้านจัดสรรยังคงเป็นปัจจัยหนุนการเพิ่มขึ้นของยอดขายรวมของบริษัท โดยเพิ่มขึ้น 47.7% เป็น 6,542 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมลดลง 10.9% เป็น 3,468 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 โดยบริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากในช่วงดังกล่าวโดยมีมูลค่ารวมกัน 15,500 ล้านบาท

บริษัทมีรายได้จำนวน 21,364 ล้านบาทในปี 2558 เพิ่มขึ้น 14.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 23.2% เป็น 12,789 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น 4.1% เป็น 8,209 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 24.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 12,568 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมลดลง 7.2% เป็น 6,096 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น 84.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6,263 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2559 จนถึงปี 2562 ส่วนหนึ่งมียอดเงินจากสินค้ารอส่งมอบที่รอรับรู้รายได้สนับสนุนไว้แล้วจำนวน 34,500 ล้านบาท โดยบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 จำนวนประมาณ 7,300 ล้านบาท ในปี 2560 มีจำนวน 12,000 ล้านบาท และระหว่างปี 2561 ถึงปี 2562 มีอีกประมาณ 15,000 ล้านบาท บริษัทน่าจะยังคงอยู่ในช่วงขยายตัวในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าจากแรงหนุนของยอดโอนจากโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทเปิดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 20,000 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 29,000 ล้านบาทในปี 2562

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีอัตรากำไรที่สูงกว่าผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 30%-35% ยกเว้นในปี 2558 ที่อัตราส่วนดังกล่าวลดลงเป็น 27.4% จาก 31.9% ในปี 2557 จากการมีต้นทุนก่อสร้างโครงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่สูงกว่าคาด อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 29.2% ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงทรงตัวอยู่เหนือระดับ 27% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ระดับการก่อหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 49.7% ในปี 2558 จาก 30%-41% ในช่วง 2554-2557 เนื่องจากบริษัทมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการต่าง ๆ รวมถึงเพื่อใช้ซื้อที่ดินเพิ่มมากขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเป็น 45.5% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทลดลงหลังการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 50% ในปี 2554 และ 53% ในปี 2555 ก่อนที่จะลดลงหลังจากนั้นเป็นต้นมา โดยอัตราส่วนดังกล่าวขึ้นและลงอยู่ในช่วง 23%-39% ในช่วงปี 2556 จนถึงครึ่งแรกของปี 2559 ทั้งนี้ แม้อัตราส่วนดังกล่าวจะลดต่ำลงแต่ยังคงถือว่าสูงสำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทจะมีเงินกู้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่ 4,000-6,000 ล้านบาท เงินทุนจากการดำเนินงานจึงมีมากพอที่จะจ่ายชำระหนี้ตามกำหนดได้ทั้งจำนวน บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่มากเพียงพอโดยได้รับแรงหนุนจากวงเงินกู้ที่มีกับธนาคารพาณิชย์ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 25,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SPALI172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
SPALI182A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
SPALI185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
SPALI19DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
SPALI209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ