ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ “BBB+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 27, 2017 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ "A-" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) และธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท รวมทั้งความคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะยังคงให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก และความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน และภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง

บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งในปี 2533 และดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่มซึ่งประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ (TrueOnline) ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโทรศัพท์พื้นฐาน กลุ่มธุรกิจทรูโมบาย (True Mobile) ซึ่งให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์ (TrueVisions) ซึ่งให้บริการช่องทีวีระบบบอกรับสมาชิกและทีวีดิจิทัลจำนวน 2 ช่อง ในปี 2559 บริษัทมีรายได้ 1.25 แสนล้านบาท โดยธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้บริษัทในสัดส่วน 18% 74% และ 8% ตามลำดับ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสารที่หลากหลาย โดยทรูออนไลน์มีสัดส่วนทางการตลาดจากรายได้การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศประมาณ 40% ในขณะที่ทรูวิชั่นส์เป็นผู้นำในการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกด้วยรายการที่หลากหลายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ทรูวิชั่นส์มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกรวมประมาณ 4.1 ล้านราย ส่วนทรูโมบายก็เพิ่งเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลำดับที่ 2 ของประเทศ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 25.8% ในไตรมาสแรกของปี 2560

ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากผู้ถือหุ้นหลักของบริษัททั้ง 2 รายด้วยคือเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 50% และ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 18% โดย China Mobile เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในโลก

ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าฐานะทางธุรกิจของบริษัทขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นสำคัญ สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น บริษัทจำเป็นต้องสร้างรายได้จากการลงทุนจำนวนมากในใบอนุญาตคลื่นความถี่ใหม่รวมทั้งการขยายโครงข่าย โดยบริษัทได้ประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 และ 900 เมกะเฮิร์ทซ์ในราคารวม 1.16 แสนล้านบาท แม้จะมีจำนวนคลื่นความถี่สำหรับให้บริการมากที่สุด แต่เรื่องคุณภาพสัญญาณเป็นปัจจัยที่บริษัทให้ความสำคัญมาก เพื่อที่จะดึงดูดผู้ใช้บริการรายใหม่และลดอัตรายกเลิกการใช้บริการของลูกค้า ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทมีการลงทุนด้านโครงข่ายในอัตราที่สูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนดังกล่าวส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลำดับที่ 2 ของประเทศ แม้ว่าความต้องการบริการด้านข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจะเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรม แต่การแข่งขันก็ยังคงอยู่ในระดับสูง บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 33% ของรายได้รวมจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในสิ้นปี 2561 เป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในเชิงรุกของบริษัทมีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเนื่องจากผู้ประกอบการต่างก็ต้องการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเอาไว้ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างรายได้จากการลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนั้น จำนวนสมาชิกของบริษัทเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักมาตั้งแต่ปี 2553 จากการที่บริษัทขยายพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีลูกค้าที่เป็นสมาชิกรวมประมาณ 2.9 ล้านราย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในธุรกิจก็เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาในธุรกิจและใช้กลยุทธ์ Convergence เหมือนบริษัท (Convergence คือการหลอมรวมของสื่อดิจิทัลซึ่งเป็นความสามารถในการส่งข้อมูลแบบเดียวกันออกไปในหลายช่องทางทั้งการแพร่ภาพกระจายเสียง โทรคมนาคม หรืออินเทอร์เน็ต) ส่งผลทำให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัทลดลงจาก 668 บาทในปี 2558 เป็น 600 บาทในไตรมาสแรกของปี 2560 ทริสเรทติ้งมองว่าแม้อนาคตในการใช้อินเทอร์เน็ตภายในประเทศจะเป็นไปในทางบวก แต่การแข่งขันจะยังคงส่งผลกดดันรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อไปในระยะสั้นถึงระยะกลาง กลยุทธ์ของบริษัทคือการขยายพื้นที่การให้บริการเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการซึ่งจะทำให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนอีกจำนวนหนึ่งในธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

ความเสี่ยงทางการเงินที่สูงของบริษัทสะท้อนถึงภาระหนี้ที่สูงจากต้นทุนใบอนุญาตคลื่นความถี่และการลงทุนขยายโครงข่าย บริษัทยังคงมีแผนลงทุนขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่องในปี 2560 โดยบริษัทได้ตั้งงบไว้ทั้งสิ้นประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งแผนการลงทุนระดับสูงดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทเนื่องจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทต้องแลกมาด้วยภาระทางการเงินที่สูง ในปี 2559 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1.25 แสนล้านบาทและเพิ่มขึ้น 11.9% ในไตรมาสแรกของปี 2560 มาอยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านบาทโดยมีธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 25.8% ในไตรมาสแรกของปี 2560 จากการที่บริษัทเริ่มได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดจากการที่มีจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้ที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงสูง โดยอยู่ที่ 67.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 อัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงหากพิจารณารวมเงินสดที่บริษัทถืออยู่จำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินสุทธิจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 6.9 เท่า (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 5 เท่าตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากบริษัทมียอดหนี้สินมากกว่ากระแสเงินสด ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่สุทธิจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ระดับ 11.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง)

ในช่วงปี 2560-2562 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตโดยเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 3% จากผลของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการด้านข้อมูลในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และการเติบโตที่สม่ำเสมอของบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งนี้ การสิ้นสุดสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานในเดือนตุลาคม 2560 ก็มีผลต่อการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งด้วย ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม แม้การแข่งขันจะยังคงดำเนินไปในระดับสูง แต่ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าผู้ประกอบการจะมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและการตลาดเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการที่อุตสาหกรรมเติบโตขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 25%-30% ในช่วงปี 2560-2562 และเงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 2.1-3 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าโครงสร้างหนี้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากรายได้ที่เติบโตและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช่จ่ายฝ่ายทุนที่ลดลง

ฐานะสภาพคล่องของบริษัทค่อนข้างตึงตัวและมีแนวโน้มที่จะต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อใช้ชำระหนี้ที่ถึงกำหนด ในระยะ 12 เดือนข้างหน้านับจากวันที่ 31 มีนาคม 2560 เป็นต้นไปคาดว่าบริษัทจะมีแหล่งสภาพคล่องที่มาจากเงินทุนจากการดำเนินงานอย่างต่ำประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาทและมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ในขณะที่บริษัทมีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระรวมประมาณ 2.35 หมื่นล้านบาทและมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 5-5.7 หมื่นล้านบาทซึ่งรวมค่าใบอนุญาตที่จะครบกำหนดชำระ บริษัทอาจขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลเพื่อสนับสนุนสภาพคล่อง อนึ่ง การมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้จะเป็นปัจจัยกังวลต่อคุณภาพเครดิต ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจได้โดยไม่ทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจหลักเอาไว้ได้ ทั้งนี้ โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าเมื่อพิจารณาถึงฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันและแนวโน้มการลงทุนที่ค่อนข้างสูงของบริษัท อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและสร้างกระแสเงินสดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่สุทธิจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต่อ EBITDA เกิน 7 เท่าอย่างต่อเนื่อง

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE183A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
TRUE22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีการค้ำประกันบางส่วน 8,330 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ