ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ” ที่ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 11, 2017 17:31 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักเพียง 2 รายในประเทศไทย กระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอและคาดการณ์ได้จากการให้บริการเดินรถไฟฟ้า และสถานะที่มั่นคงในธุรกิจสื่อโฆษณา อย่างไรก็ตาม คาดว่าฐานะทางการเงินของบริษัทจะถูกถ่วงด้วยภาระหนี้ของบริษัทที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากงานที่ได้รับตามสัญญาสำหรับโครงการส่วนต่อขยายระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นหน่วยธุรกิจหลักและเป็นผู้สร้างรายได้และกำไรให้กับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ดังนั้น สถานะเครดิตของบริษัทและบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

บริษัทก่อตั้งในปี 2535 โดยปัจจุบันบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ถือหุ้นในบริษัท 97.46% บริษัทถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อก่อสร้างและดำเนินงานระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ภายใต้สัญญาสัมปทานเป็นเวลา 30 ปี (2542-2572) จากกรุงเทพมหานคร ในปี 2556 บริษัทได้จำหน่ายรายได้ค่าโดยสารสุทธิในอนาคตของระบบรถไฟฟ้าในเส้นทางหลักให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) มูลค่า 61,000 ล้านบาท โดยที่บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ลงทุนถือหุ้น BTSGIF ในสัดส่วน 33.33% ภายใต้สัญญาที่ได้ลงนามกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกรุงเทพมหานคร บริษัทอยู่ในช่วงสำคัญในการขยายการดำเนินงานรถไฟฟ้าทั้งในการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) รวมถึงการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงสำหรับโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสในหลายโครงการ

ธุรกิจสื่อโฆษณาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และกำไรที่สำคัญให้แก่บริษัท ธุรกิจสื่อโฆษณาเติบโตตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น จากการเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาเพียงรายเดียวในขบวนรถไฟฟ้าและในพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจสื่อโฆษณา ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท วี จี ไอ โกล บอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (วีจีไอ) สำหรับปีงบประมาณ 2560 (เมษายน 2559-มีนาคม 2560) รายได้ของบริษัทประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาคิดเป็นสัดส่วน 39% รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง 27% และรายได้จากบริการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหารถไฟฟ้า 24% ส่วนรายได้ส่วนที่เหลือมาจากรายได้จากการให้บริการอื่น ๆ

บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปีงบประมาณ 2560 รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 6,276 ล้านบาทเมื่อเทียบกับ 4,033 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการรับรู้รายได้การให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหารถไฟฟ้า รวมถึงการรวมรายได้ของ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) (MACO) ซึ่งได้ควบรวมเข้ามาในปี 2559 เพื่อขยายธุรกิจสื่อโฆษณา อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัท (ไม่รวมรายได้จากการให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหารถไฟฟ้า) ปรับตัวลดลงจาก 51.6% ในปีงบประมาณ 2559 เป็น 42.4% ในปีงบประมาณ 2560 เนื่องจากการรวมผลการดำเนินงานของ MACO ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่ต่ำกว่า

การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสำหรับส่วนต่อขยายของระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครจะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตของบริษัท สำหรับช่วงปีงบประมาณ 2561-2563 ทริสเรทติ้งประเมินว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถ โดยค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2 เส้นทาง ซึ่งได้แก่ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้เปิดให้บริการ นอกจากนี้

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้จำนวน 25,500 ล้านบาทจากการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหารถไฟฟ้าในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 40%

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับรายได้ของบริษัท ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดี และการให้บริการรถไฟฟ้าตามสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงนั้นแตกต่างจากสัญญาสัมปทานเดิมโดยบริษัทไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสาร

เงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตามความต้องการใช้เงินทุนสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหาขบวนรถไฟฟ้า โดยเงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1,829 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 เป็น 24,935 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2560 ภายหลังจากที่บริษัทออกหุ้นกู้จำนวน 22,000 ล้านบาทในปี 2559 โดยจุดประสงค์ของการออกหุ้นกู้นั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับสัญญาการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าตามที่ได้ลงนามกับบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งสัญญาการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลกำหนดให้บริษัทต้องจัดหาเงินลงทุนสำหรับต้นทุนในการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล โดยบริษัทกรุงเทพธนาคมจะชำระค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมถึงภาระดอกเบี้ยสะสมภายในระยะเวลา 4 ปี และบริษัทกรุงเทพธนาคมยังสามารถขยายระยะเวลาการชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มได้อีก 2 ปี

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะชำระคืนหนี้ได้จากเงินที่ได้รับจากการชำระค่าใช้จ่ายโครงการจากบริษัทกรุงเทพธนาคม โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจากระดับ 6.3% ในปีงบประมาณ 2559 เป็น 48.7% ในปีงบประมาณ 2560 แต่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อได้รับการชำระค่าใช้จ่ายโครงการจากบริษัทกรุงเทพธนาคม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 6 เท่าในปี 2563 และปรับลดลงเป็นระดับ 3.5 ในปีถัดไป ทริสเรทติ้งยังคงเห็นว่าความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นจะถูกลดทอนลงจากความแน่นอนในการชำระค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการจากบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกรุงเทพมหานคร โดยปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตของกรุงเทพมหานครที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”

บริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 2,027 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 8.1% และ 6.7 เท่าตามลำดับ ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 12,982 ล้านบาทรวมถึงหลักทรัพย์เพื่อค้าและหลักทรัพย์เผื่อขายจำนวน 11,575 ล้านบาท บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการใช้เงินในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีภาระหนี้ครบกำหนดชำระจำนวน 246 ล้านบาท ภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 778 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุนจำนวน 8,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทอาจจะต้องสนับสนุนเงินทุนให้แก่บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในรูปแบบเงินปันผลเนื่องจากบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์มีความต้องการใช้เงินทุนสำหรับการลงทุนในโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ต่าง ๆ

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้จากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าและธุรกิจสื่อโฆษณา โดยอันดับเครดิต และ/หรือ แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอ่ลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับประมาณการซึ่งอาจเป็นผลมาจากการลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมาก และ/หรือ ผลการดำเนินงานปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดด้วยระดับของภาระหนี้ที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการลงทุนขนาดใหญ่

เนื่องจากบริษัทถือเป็นบริษัทย่อยของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อันดับเครดิตของบริษัทจึงสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับอันดับเครดิตของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใดใดในอันดับเครดิตของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC)
อันดับเครดิตองค์กร A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTSC19NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
BTSC21NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
BTSC23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
BTSC26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ