ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 1, 2017 15:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) ที่ระดับ “A-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของ ชสอ. ในการส่งเสริมและพัฒนากระบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานะของ ชสอ. ในการเป็นชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดทั้งในด้านขนาดของสินทรัพย์และจำนวนสมาชิก รวมทั้งประวัติการดำเนินงานที่ยาวนาน ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารและพนักงานในการดำเนินกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ ตลอดจนผลประกอบการทางการเงินที่ดี และสินเชื่อที่มีคุณภาพจากการให้กู้ยืมแก่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิก การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงสิทธิพิเศษที่กฎหมายมีให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในขั้นปฐมภูมิด้วยเช่นกัน โดยสิทธิพิเศษดังกล่าวได้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่คุณภาพสินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหลายและยกระดับความได้เปรียบทางการแข่งขันของสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งรวมถึง ชสอ. ให้มีเหนือสถาบันการเงินทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากอัตราส่วนหนี้สินของ ชสอ. ที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนความไม่สอดคล้องกันของอายุสินทรัพย์และหนี้สิน การกระจุกตัวที่เพิ่มขึ้นของเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิก และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นซึ่งอาจจะลดสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับอยู่ในปัจจุบันลง

ชสอ. ก่อตั้งในปี 2515 โดยการริเริ่มของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและสหกรณ์ออมทรัพย์จำนวน 81 แห่ง ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สหกรณ์ ชสอ. จัดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นทุติยภูมิ โดยที่สหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมิจะเป็นสมาชิกของ ชสอ. ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์และจำนวนสมาชิกแล้ว ชสอ. จัดเป็นชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชสอ. ได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่สหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมิได้รับ ชสอ. ให้บริการทางการเงินแก่สหกรณ์สมาชิกซึ่งรวมถึงการรับฝากและการให้กู้ยืมเงิน นอกจากนี้ ชสอ. ยังมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการสหกรณ์ในระดับชาติด้วย โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยสนับสนุน ส่งเสริม วางแผน และพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย

ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 (สิ้นสุดมีนาคม 2560) ชสอ. มีเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกคิดเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด หรือ 72% ของสินทรัพย์รวมของ ชสอ. เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกอยู่ในระดับ 60%-72% ของสินทรัพย์รวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 26% ของสินทรัพย์รวมของ ชสอ. เป็นเงินลงทุน และส่วนที่เหลืออีก 2% เป็นเงินสดและสินทรัพย์อื่น ๆ ชสอ. มีนโยบายให้กู้ยืมทั้งแก่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก แต่จะให้สิทธิพิเศษแก่สหกรณ์สมาชิกก่อนหากความต้องการกู้ยืมจากสมาชิกมีมาก ทั้งนี้ ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกมีจำนวน 79,707 ล้านบาท ชสอ. ให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกเพียง 252 รายจากจำนวนสหกรณ์สมาชิกทั้งหมด 1,079 ราย ชสอ. มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิก โดยเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิก 20 อันดับแรกคิดเป็น 50% ของเงินให้กู้ยืมรวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2552 และลดลงมาอยู่ที่ระดับ 37% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2558 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 50% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมลดทอนลงจากองค์ประกอบของเงินให้กู้ยืมของ ชสอ. ที่เป็นหนี้คุณภาพดี

ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 ชสอ. มีเงินให้กู้ยืมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพียง 6.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.01% ของเงินให้กู้ยืมรวม เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์สมาชิกของ ชสอ. ที่เป็นหนี้คุณภาพดีนั้นได้รับผลพลอยได้จากกลไกการชำระคืนหนี้อัตโนมัติและสิทธิพิเศษทางกฎหมายของสหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมิ นอกจากนี้ ชสอ. ยังมีเกณฑ์และแนวทางที่เข้มงวดในการพิจารณาเงินให้กู้ยืมแก่สมาชิกอีกด้วย

ในรอบปีบัญชี 2554-2556 ชสอ. เผชิญกับอุปสรรคในการระดมเงินทุนในด้านของเงินฝากและเงินกู้ยืมจากสมาชิกโดยผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยเงินฝากและเงินกู้ยืมผ่านตั๋วสัญญาใช้เงินในรอบปีบัญชี 2554-2556 เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% 5.6% และ 1.9% ตามลำดับ เทียบกับอัตราการเติบโตที่มากกว่า 10% ในช่วงรอบปีบัญชี 2551-2553 ชสอ. ได้ระดมทุนเพิ่มเติมผ่านการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างมากในช่วงรอบปีบัญชี 2554-2556 โดยเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจาก 7,825 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2551 เป็น 15,665 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 โดยคิดเป็น 32% ของหนี้สินรวม หรือคิดเป็น 25% ของสินทรัพย์รวม ทั้งนี้ เงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าเงินทุนขนาดใหญ่ที่ได้จากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินจะมีความเสี่ยงด้านการกู้ยืมต่อมากกว่าการใช้เงินฝากและการกู้ยืมจากสหกรณ์สมาชิกเป็นแหล่งเงินทุน การมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากภายนอกที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ ชสอ. มีความเสี่ยงด้านการกู้ยืมต่อและมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยความเสี่ยงจะมีค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านลบในระบบสหกรณ์ออมทรัพย์หรือระบบเศรษฐกิจ เงินทุนระยะสั้นที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ ชสอ. มีส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นลบมากขึ้น ชสอ. จึงมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยในระดับหนึ่งด้วย หลังจากที่ผ่านพ้นปัญหาการระดมเงินทุนจากสมาชิกในปี 2557 แล้ว ชสอ. ได้ลดสัดส่วนการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ลงจาก 23% ของหนี้สินรวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 และลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 13% และ 11% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2558 และ 2559 ตามลำดับ

กำไรสุทธิของ ชสอ. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 543 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 1,193 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2557 กำไรสุทธิในรอบปีบัญชี 2558 ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,117 ล้านบาทจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 1,356 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2559 การปรับเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความสามารถในการทำกำไรนั้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับลดลงจาก 1.8% ในรอบปีบัญชี 2557 เหลือ 1.3% ในรอบปีบัญชี 2558 ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อทุนของ ชสอ. โดยเฉลี่ยก็ปรับลดลงจาก 8.6% ในรอบปีบัญชี 2557 เหลือ 6.6% ในรอบปีบัญชี 2558 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยรักษาระดับอยู่ที่ 1.3% ในรอบปีบัญชี 2559 ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อทุนของ ชสอ. โดยเฉลี่ยก็ปรับลดลงเป็น 6.2% สำหรับรอบปีบัญชี 2559 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากทุนชำระแล้วที่เพิ่มสูงขึ้น ชสอ. มีอัตราการจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิกที่ 5.8% ในรอบปีบัญชี 2559 ซึ่งเท่ากับในรอบปีบัญชี 2558

ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเงื่อนไขข้อบังคับของ ชสอ. ที่กำหนดให้สหกรณ์สมาชิกจะต้องซื้อหุ้นของ ชสอ. เพิ่มเติมในสัดส่วนที่สอดคล้องกับทุนเรือนหุ้นของสหกรณ์สมาชิก ในสถานการณ์ปกติ ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่ทุนเรือนหุ้นของแต่ละสหกรณ์สมาชิกจะเพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติจากกลไกปกติในการซื้อหุ้นเพิ่มรายเดือนของสมาชิก ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6,257 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 9,211 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2553 เนื่องจากมีการซื้อหุ้นเพิ่มเติมเป็นพิเศษจากสหกรณ์สมาชิกรายหนึ่งในรอบปีบัญชี 2553 หลังจากการซื้อหุ้นเพิ่มเป็นพิเศษในครั้งนั้น ทุนเรือนหุ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นในอัตรา 2%-8% ต่อปีในช่วงรอบปีบัญชี 2554-2556 ในรอบปีบัญชี 2558 มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นพิเศษจากสหกรณ์สมาชิกอีกครั้ง ส่งผลให้ทุนเรือนหุ้นของ ชสอ. ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 14,037 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% จากรอบปีบัญชี 2557 ในรอบปีบัญชี 2559 ทุนเรือนหุ้นเพิ่มขึ้นมากอีกครั้งถึง 44% เป็น 20,174 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรอบปีบัญชี 2558 ทุนของ ชสอ. (ซึ่งประกอบไปด้วยทุนเรือนหุ้น ทุนสำรองตามกฎหมาย ทุนสำรองตามข้อบังคับ กำไรหรือขาดทุนจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น และกำไรสุทธิ) ก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 7,708 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 18,977 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2558 และ 24,640 ล้านบาท ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 อัตราส่วนทุนของ ชสอ. ต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 20% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราส่วนจะเพิ่มขึ้นจาก 19.4% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2558 เป็น 22.4% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 อัตราส่วนดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งมานานซึ่งมีอัตราส่วนดังกล่าวเฉลี่ยที่ระดับประมาณ 40%

ทริสเรทติ้งมีมุมมองต่อกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงแล้วและที่มีแผนจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตว่าน่าจะมีผลในเชิงบวกต่อธุรกิจสหกรณ์ กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบจะทำให้เกิดมาตรการเฝ้าสังเกตและควบคุมความเสี่ยงที่ดียิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การดำเนินงานและการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า ชสอ. จะดำรงบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทยต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดว่า ชสอ. จะสามารถรักษาระดับฐานเงินทุนภายในที่ได้รับจากสมาชิกไว้ได้ต่อไป พร้อมทั้งมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเพื่อสามารถให้ผลตอบแทนคืนสู่สมาชิกในระดับที่เหมาะสม

แนวโน้มการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ ชสอ. มีค่อนข้างจำกัดจากกรอบการดำเนินงานของกระบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในทางตรงกันข้าม นโยบายดำเนินงานและการเงินในเชิงรุก หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบจากทางการที่จะลดทอนสิทธิพิเศษของสหกรณ์ออมทรัพย์ลงไปก็อาจมีผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ ชสอ. ได้

ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (FSCT)
อันดับเครดิตองค์กร A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ