ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. ดุสิตธานี ” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 7, 2018 17:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ของไทยและการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบระมัดระวังของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่บริษัทมีธุรกิจที่กระจายตัวไม่มากนัก ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโรงแรม และความสามารถในการทำกำไรที่อ่อนตัวลง การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการเข้าร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (Mixed-use) ที่จะส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงในระหว่างการพัฒนาโครงการด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ชื่อเสียงของบริษัทสนับสนุนสถานะทางธุรกิจ

บริษัทดุสิตธานีเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมชั้นนำของไทยด้วยแบรนด์ “ดุสิตธานี” ที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ แบรนด์ของบริษัทสะท้อนเอกลักษณ์การให้บริการแบบไทย ซึ่งช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจบริหารโรงแรมและธุรกิจการศึกษาของบริษัท บริษัทมีแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่บริษัทรับบริหารกิจการและให้แฟรนไชส์โดยปัจจุบันบริษัทมีสัญญาให้บริการบริหารกิจการโรงแรม 102 สัญญาและมีจำนวนห้องรวมกว่า 10,000 ห้องที่จะทยอยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในระยะ 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายธุรกิจการศึกษาด้านการโรงแรมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย

ธุรกิจมีการกระจายตัวไม่มากนัก

ธุรกิจของบริษัทมีการกระจายตัวไม่มาก โดยกว่า 80% ของรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงแรมหลัก ๆ ในกรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา หมู่เกาะมัลดีฟส์ และกรุงมะนิลา ทำให้ผลประกอบการของบริษัทผันผวนไปตามเหตุการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 รายได้ของบริษัทลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 3,152 ล้านบาท โดยการลดลงดังกล่าวเกิดจากการใช้จ่ายเพื่อการจัดงานเลี้ยงและงานรื่นเริงต่าง ๆ ที่ชะลอตัวลงในช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และยังมีผลกระทบจากการปรับปรุงโรงแรมดุสิตธานี มะนิลา และดุสิตธานี ลากูน่าภูเก็ตอีกด้วย

เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ บริษัทมีแผนกลยุทธ์จะขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมและธุรกิจการศึกษา ในขณะเดียวกันก็จะให้ความสำคัญกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้นด้วย ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ Mixed-Use ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้า ทั้งนี้ หากแผนดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งรายได้ให้แก่บริษัท อีกทั้งจะลดการพึ่งพาธุรกิจโรงแรมลงไปด้วย

การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโรงแรม

การเพิ่มขึ้นของจำนวนโรงแรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และหมู่เกาะมัลดีฟส์ส่งผลทำให้การแข่งขันในตลาดสำคัญ ๆ ของบริษัททวีความรุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ด้อยลงตามกาลเวลาและบริษัทมีการลงทุนไม่มากนักในการที่จะปรับปรุงห้องพักให้เป็นไปตามความนิยมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวส่งผลต่อสถานะทางการแข่งขันของบริษัทและจำกัดความสามารถในการปรับขึ้นราคาห้องพัก

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมของบริษัทอยู่ที่ 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 73% ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนอยู่ที่ 3,465 บาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ (Revenue Per Available Room -- RevPAR) ลดลง 3% มาอยู่ที่ 2,493 บาทต่อคืน

อย่างไรก็ดี แผนการปรับปรุงโรงแรมของบริษัทก็มีความคืบหน้าโดยเฉพาะในทำเลที่สำคัญ เช่น ในภูเก็ตและกรุงมะนิลาในปี 2560 และที่กรุงเทพฯ (ศรีนครินทร์) พัทยา และเชียงใหม่ในปี 2561 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่บริษัทมากขึ้น

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่อ่อนตัว

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยอัตรากำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 16.2% ในปี 2559 และ 13.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในระดับเกินกว่า 20% ของบริษัทในอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงแล้ว อัตราการทำกำไรที่อ่อนตัวลงของบริษัทส่วนหนึ่งเกิดจากผลขาดทุนจากธุรกิจโรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรมด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับเปลี่ยนโรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรมให้เป็น Dusit Thani Excellence Centre โดยคาดว่าจะตอบรับต่อความต้องการทางตลาดด้านการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น

นโยบายการเงินแบบระมัดระวัง

ฐานะการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินนโยบายด้านการเงินแบบระมัดระวัง ในอดีตบริษัทมีการลงทุนในระดับค่อนข้างต่ำทั้งในส่วนของการขยายธุรกิจและการปรับปรุงสินทรัพย์ บริษัทมีสภาพคล่องและโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทยู่ที่ 26% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 6.24 เท่าและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 35.91% ณ เดือนกันยายน 2560

สภาพคล่องมีเพียงพอ

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำรงสถานะสภาพคล่องในระดับที่ดีในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานของ

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 675-800 ล้านบาทในปี 2561 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ เดือนกันยายน 2560 จำนวน 961 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระประมาณ 300-400 ล้านบาทในปี 2561 และมีแผนลงทุนรวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาทซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรักษาระดับรายได้ของบริษัทในช่วงพัฒนาโครงการ Mixed-use

ฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลงในระหว่างการพัฒนาโครงการ Mixed-use

บริษัทร่วมลงทุนกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาโครงการ Mixed-use ซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรม อาคารที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานบนพื้นที่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียง โดยการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2562 และโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2567

ทริสเรทติ้งเห็นว่าการลงทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาว โดยจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท อีกทั้งยังจะช่วยสร้างโอกาสให้บริษัทขยายไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในส่วนของอาคารที่พักอาศัยและศูนย์การค้าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ในระหว่างการพัฒนาโครงการนั้นฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลงเนื่องจากบริษัทจะสูญเสียรายได้จากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ ทั้งนี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ สร้างรายได้ให้แก่บริษัทคิดเป็น 20% ของรายได้รวม และ 15% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทในปี 2559 ซึ่งผู้บริหารของบริษัทชี้แจงว่าบริษัทจะหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อมาชดเชยรายได้ที่หายไปบางส่วนและรักษาระดับฐานะทางการเงินในระหว่างการก่อสร้างไปด้วย

ความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากภาระหนี้ที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของบริษัทได้ให้คำมั่นว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังต่อไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะไม่สูงเกินกว่า 50%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงนโยบายทางการเงินแบบอนุรักษ์นิยมของบริษัทและโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจบริหารโรงแรมและธุรกิจการศึกษา โดยบริษัทได้รับการคาดหมายว่าจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อต้านทานกับธรรมชาติที่ผันผวนของอุตสาหกรรมโรงแรมและพยุงสถานะเครดิตของบริษัทเอาไว้ให้ได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดในระยะอันใกล้นี้ โดยพิจารณาจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการ Mixed-use อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากอัตรากำไรของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง หรือฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากการลงทุนโดยการก่อหนี้จำนวนมาก

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ