ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)” เป็น “AAA” จาก “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2018 15:55 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นระดับ “AAA” จากเดิมที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนฐานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอส (DBS Group) ที่มีฐานธุรกิจอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ตลอดจนระบบการดำเนินงานที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดีบีเอส และการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ธนาคารดีบีเอส (DBS Bank) ซึ่งเป็นบริษัทลูกเพียงรายเดียวของกลุ่มดีบีเอสยังได้รับอันดับเครดิตจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อีกด้วย

อันดับเครดิตเฉพาะของ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เป็นผลมาจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ดีขึ้นของบริษัท ตลอดจนการได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์และด้านเครดิตที่จำกัด และการมีสภาพคล่องและฐานทุนที่เพียงพอ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมและรายได้ที่มีความผันผวนอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงและจากธรรมชาติของธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นวงจรขึ้นลงด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอส

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอส โดยบริษัทเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดย DBS Vickers Securities Holding Pte. (DBSVSH) ซึ่งรับผิดชอบให้บริการด้านธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มดีบีเอสในประเทศสิงคโปร์ นอกจากจะได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจากกลุ่มดีบีเอสแล้ว บริษัทยังมีระบบการดำเนินงานที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มโดยมีการดำเนินกลยุทธ์และกำหนดเป้าหมายทางการเงินตามแนวทางของกลุ่ม อีกทั้งกลุ่มดีบีเอสยังควบคุมการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยงของบริษัทอีกด้วย

บริษัทยังให้บริการด้านงานวิจัย รวมทั้งให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจอื่น ๆ แก่ลูกค้าในเครือข่ายของกลุ่มดีบีเอสด้วย โดยบริษัทมีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำปีจากลูกค้าของกลุ่มดีบีเอสคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70.0% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สภาพคล่องและฐานทุนที่เพียงพอ

บริษัทมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เพียงพอ โดยบริษัทมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับ 15.7% ณ เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งถือว่าเพียงพอถึงแม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 33.9% ก็ตาม ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทเมื่อพิจารณาจากวงเงินสินเชื่อที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่และสถาบันการเงินในประเทศหลายแห่งแล้วถือว่ามีเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันและสำหรับรองรับปัญหาสภาพคล่อง

บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,046 ล้านบาทซึ่งเป็นฐานทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับความเสี่ยงทางด้านเครดิตจากธุรกิจเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ณ เดือนธันวาคม 2560 บริษัทมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับตัวเลขแล้วอยู่ที่ 41.0% แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 52.9% แต่ฐานทุนยังคงเพียงพอเนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ส่วนอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิของบริษัทนั้นอยู่ที่ระดับ 37.0% ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ของทางการที่กำหนดไว้ที่ระดับ 7.0%

ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.6% ในปี 2558 (อันดับ 20) มาอยู่ที่ 4.2% ในปี 2559 (อันดับ 6) และมาอยู่ที่ 6.5% ในปี 2560 (อันดับ 2) ณ เดือนเมษายน 2561 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 6.6% ส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศซึ่งบริษัทมีความแข็งแกร่งมากที่สุด ทั้งนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.0% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 11.5% ในปี 2559 และมาอยู่ที่ 16.9% ในปี 2560

อย่างไรก็ตาม อัตราค่าธรรมเนียมในระดับต่ำที่ได้จากนักลงทุนต่างประเทศทำให้มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบในทางบวกต่อส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในอัตราที่เท่ากัน ทั้งนี้ ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้า โดยเพิ่มจาก 1.7% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 2.0% ในปี 2559 และมาอยู่ที่ 2.4% ในปี 2560 อนึ่ง นักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ Direct Market Access (DMA) ซึ่งมีอัตราค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด

?

ความเสี่ยงต่อความผันผวนทางด้านราคาของหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตที่จำกัด

บริษัทมีความเสี่ยงด้านการตลาดที่จำกัดเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายในการเก็งกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกลุ่ม อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากการขายหุ้นกู้อนุพันธ์อีกด้วย ในส่วนของความเสี่ยงด้านเครดิตนั้น สินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 โดยยอดสินเชื่อดังกล่าวคิดเป็น 1.3 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทและคิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของมูลค่าทั้งอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไป

มีความเป็นไปได้ที่กำไรสุทธิจะมีความผันผวน

การพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักนั้นส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทมีความอ่อนไหวต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าคิดเป็นสัดส่วน 73.0% ของรายได้รวมในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 60.0% ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการซึ่งมีแนวโน้มที่จะช่วยลดความผันผวนของรายได้นั้นก็อยู่ในระดับต่ำที่ 9.7% ของรายได้รวมในปี 2560 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 15.0% ดังนั้น การลดลงของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดจึงอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อกำไรสุทธิของบริษัทได้ดังจะเห็นว่าในปี 2557 และปี 2558 เมื่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดลดลง 11%-12% นั้นได้ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในปีดังกล่าว

ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมสุทธิในระดับสูงส่งผลกดดันกำไรสุทธิ

บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิที่สูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 82.1% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 63.1% ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้านบุคลากร การมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระดับสูงส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและตลาดที่ผันผวน ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำที่ 0.2% ในปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.6%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอสและจะยังคงดำเนินงานโดยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มดีบีเอสในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่องต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทในปัจจุบันอยู่ในอันดับสูงที่สุดที่ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากอันดับเครดิตของธนาคารดีบีเอสปรับลดลง อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและนโยบายของกลุ่มที่ทำให้สถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของบริษัทที่มีต่อกลุ่มดีบีเอสเปลี่ยนแปลงไปก็อาจส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSVT)
อันดับเครดิตองค์กร: AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ