ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ซีพี ออลล์” ที่ “A+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 16, 2018 16:45 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “A” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสำเร็จและสถานะความเป็นผู้นำที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย ตลอดจนลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาระหนี้ที่สูงของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีก นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งส่งผลกระทบในด้านลบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าสะดวกซื้อ

บริษัทซีพี ออลล์ มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า “7-Eleven” ทั้งนี้ ร้านค้าของ 7-Eleven มีจำนวนคิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกทั้งหมดในประเทศไทย ณ เดือนมีนาคม 2561 บริษัทมีร้านค้าทั้งหมด 10,533 สาขาทั่วประเทศ โดยเกือบครึ่งหนึ่ง (44%) ของจำนวนร้านค้าทั้งหมดอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนที่เหลือ 56% อยู่ในต่างจังหวัด

การขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วยการซื้อกิจการแม็คโคร

บริษัท ซีพี ออลล์ ได้เสริมโอกาสในการเติบโตด้วยการซื้อกิจการของ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทสยามแม็คโครเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าส่งที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจาก 7-Eleven กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทสยามแม็คโคร คือผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง บริษัทซีพี ออลล์ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากตราสินค้าและความเชี่ยวชาญของบริษัทสยามแม็คโครในการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 บริษัทสยามแม็คโคร มีร้านค้าทั้งหมด 124 สาขาทั่วประเทศ และ 1 สาขาที่ประเทศกัมพูชา ในปี 2560 บริษัทสยามแม็คโคร มีรายได้เท่ากับ 182,753 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 40% ของรายได้รวมของบริษัทซีพี ออลล์) และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 10,407 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 25% ของบริษัทซีพี ออลล์)

รายได้เติบโตช้าลง

ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่า ยอดขายของสาขาเดิมของร้านค้า 7-Eleven และ MAKRO จะเติบโตที่ระดับต่ำในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทมีรายได้เท่ากับ 471,069 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซี่งเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับต่ำกว่าระดับ 10% ที่บริษัทเคยทำได้ในปี 2558 และ 2559 การเปิดสาขาใหม่ยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของยอดขาย ในขณะที่ยอดขายของสาขาเดิมเติบโตในระดับต่ำ ยอดขายสาขาเดิมของ 7-Eleven เติบโต 1.6% ในปี 2560 เทียบกับ 2.4% ในปี 2559 ยอดขายสาขาเดิมของ MAKRO เติบโต 1.3% ในปี 2560 เทียบกับ 4.1% ในปี 2559

ในไตรมาสแรกของปี 2561 ยอดขายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 123,652 ล้านบาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือการเปิดสาขาใหม่ของ 7-Eleven และการเพิ่มขึ้นของภาษีสรรพสามิตที่ส่งผลให้ราคาจำหน่ายบุหรี่เพิ่มขึ้น

อัตรากำไรอยู่ในระดับที่ดี

ความสำเร็จในการปรับปรุงประสิทธิภาพ และการเพิ่มยอดขายในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายภายหลังการปรับปรุงด้วยค่าเช่าดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.6% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 9.9% ในปี 2560 และในไตรมาสแรกของปี 2561 กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจาก 36,822 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 41,057 ล้านบาทในปี 2560 และ 10,918 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2561

ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่า บริษัทยังคงได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดและมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยคาดว่ายอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 471,069 ล้านบาท ในปี 2560 มาอยู่ที่ระดับ 580,000 ล้านบาท ในปี 2563 กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 41,057 ล้านบาท ในปี 2560 มาอยู่ที่ระดับ 52,000 ล้านบาท ในปี 2563

ภาระหนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการซื้อกิจการของบริษัทสยามแม็คโคร ในปี 2556 แม้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทจะสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หนี้สินรวมของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงจากการลงทุนขยายสาขาของทั้งร้านค้า 7-Eleven และห้างแม็คโครจำนวนมาก ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (เงินกู้รวมถึงหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนและปรับปรุงด้วยค่าเช่าดำเนินงาน) ของบริษัทเท่ากับ 77.5% ในปี 2560 และ 73.3% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561

ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะลงทุนประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งประกอบด้วยการขยายจำนวนร้านค้า 7-Eleven ประมาณ 700 สาขาและห้างแม็คโครอีกประมาณ 8-10 สาขาต่อปีทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะเพียงพอสำหรับแผนการลงทุนของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 65% ในปี 2562 ในกรณีที่ไม่มีการจำหน่ายหุ้นของบริษัทสยามแม็คโคร

บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี

บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินสดในมือของบริษัทมีเพียงพอสำหรับใช้ในการชำระหนี้ ค่าใช้จ่ายตามแผนลงทุน และการจ่ายเงินปันผลปกติของบริษัท กระแสเงินสดเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 13.5% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 16.3% ในปี 2560 และ 17.9% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเท่ากับ 4.4 เท่าในปี 2560 และ 4.0 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 3.9 เท่าในปี 2559

ทั้งนี้ สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งได้รวมผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินของธนาคารพาณิชย์แล้ว เราคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อบริษัท เนื่องจากรายได้จากเคาน์เตอร์เซอร์วิสเท่ากับ 1% ของรายได้รวมของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 5-8 เท่าในปี 2561-2563 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 20% ในปี 2561-2563

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีต่อไปได้ การมีเงินสดในมือในระดับที่สูงและเสถียรภาพในการสร้างกระแสเงินสดจะช่วยหนุนความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทในช่วงการขยายการลงทุน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดที่ใช้รองรับการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาด หรือมีการขยายการลงทุนจำนวนมากจนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPALL22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
CPALL27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ