ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “LVMC Holdings” เป็น “BB+” จาก “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 26, 2018 17:15 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ LVMC Holdings ซึ่งมีชื่อเดิมว่า Kolao Holdings ลงสู่ระดับ “BB+” จากระดับ “BBB-” การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนการลดลงของผลการดำเนินงานที่มากกว่าที่คาด โดยการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ทวีความรุนแรงกว่าคาด กดดันให้บริษัทต้องลดราคาและเพิ่มการส่งเสริมการขายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ขณะที่มีต้นทุนส่วนเพิ่มจากการขยายไปต่างประเทศเป็นอีกปัจจัยที่กดดันกำไร ทั้งนี้ รายได้จากตลาดประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นตั้งแต่ปี 2562

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงของกฎระเบียบที่ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาของประเทศกำลังการพัฒนาหลายประเทศ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งนี้ สถานะการเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์ใน สปป.ลาว และระดับการก่อหนี้ที่ค่อนข้างต่ำเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนอันดับเครดิตของบริษัท

ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรของบริษัทจะลดลงอย่างมากในปี 2561 ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดในหุ้นกู้ไว้ได้ โดยหุ้นกู้มีข้อกำหนดว่าบริษัทต้องรักษาอัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไว้ที่ไม่เกิน 5 เท่าทุกสิ้นปี ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับการยกเว้นจากผู้ถือหุ้นกู้เป็นการล่วงหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจนทำให้อัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงต่ำกว่า 5 เท่าในช่วงปลายปี 2562

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

กำไรถูกกดันจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดสำคัญ

กำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรถยนต์ลดลงมาอยู่ที่ 5% จากประมาณ 15% ในปี 2560 และ 20% ในปี 2559 การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมรถยนต์ใน สปป. ลาว กดดันให้บริษัทต้องลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ขณะที่การลดลงของปริมาณขายทำให้บริษัทสูญเสียการประหยัดต่อขนาด นอกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงแล้ว ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บริษัทเพิ่มการส่งเสริมการขายเพื่อเอาชนะคู่แข่งอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากการขยายไปต่างประเทศ

ทริสเรทติ้งคาดว่าการแข่งขันในตลาดรถยนต์ใน สปป.ลาว จะยังคงรุนแรงและกดดันกำไรของอุตสาหกรรม การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ประกอบขึ้นในประเทศกลุ่มอาเซียนลงเหลือ 0% ในช่วงปลายปี 2558 ทำให้การแข่งขันของอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป ผู้นำเข้ารถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศกลุ่มอาเซียนได้ประโยชน์จากต้นทุนนำเข้าที่ลดลง ส่งผลให้ผู้นำเข้าดังกล่าวใช้การส่งเสริมการขายที่รุนแรงในเวลาต่อมา

บริษัทซึ่งเป็นผู้นำเข้ารถยนต์ภายใต้ตราสัญลักษณ์สินค้าฮุนไดและเกียกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาเพราะรถยนต์ดังกล่าวผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ ไม่ใช่ประเทศสมาชิกอาเซียน ขณะที่รถกระบะและรถบรรทุกที่บริษัทผลิตขึ้นเองภายใต้ตราสัญลักษณ์สินค้า DAEHAN ก็ถูกท้าทายจากทั้งคู่แข่งหน้าเก่าและใหม่

ความสามารถในการแข่งขันจะฟื้นตัว แต่ไม่แข็งแกร่งเท่าแต่ก่อน

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถฟื้นความสามารถในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ใน สปป. ลาว ได้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี บริษัทได้เปิดสายการประกอบรถยนต์ฮุนไดและเกียแบบกึ่งสำเร็จรูป (Semi Knocked Down - SKD) ในปี 2560 ซึ่งการประกอบแทนการนำเข้าช่วยลดต้นทุนลงจากการได้ผลประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ผลิต โดยผลลัพธ์น่าจะปรากฎชัดเจนขึ้นในปี 2562 ซึ่งเราคิดว่าสายประกอบดังกล่าวจะเริ่มมีการประหยัดต่อขนาด

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดรถยนต์ใน สปป. ลาว จะไม่กลับไปแข็งแกร่งเช่นเดิมในความเห็นของเรา โดยราคาขายรถยนต์นั่งญี่ปุ่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนภาษีนำเข้าใหม่ถูกบังคับใช้ ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์นั่งยี่ห้อโตโยต้าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ฮุนไดและเกียอยู่ที่ประมาณ 24,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์นั่งยี่ห้อโตโยต้าอยู่ที่ประมาณ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ฮุนไดและเกียยังใกล้เคียงเดิม สายการประกอบรถยนต์ฮุนไดและเกียแบบกึ่งสำเร็จรูปจะช่วยลดต้นทุนและทำให้ส่วนต่างราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์นั่งยี่ห้อโตโยต้ากับฮุนไดและเกียห่างกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาขายเฉลี่ยอาจจะไม่กว้างเท่าในอดีต

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงต่ำสุดที่ประมาณ 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และกลับมาเติบโตในปี 2562 เราคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 334 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 การฟื้นตัวของรายได้สะท้อนความคาดหวังของเราว่าสายการประกอบรถยนต์ฮุนไดและเกียแบบกึ่งสำเร็จรูปจะช่วยฟื้นฟูความสามารถในการการแข่งขันด้านราคาของบริษัทในตลาดรถยนต์ใน สปป. ลาว นอกจากนั้น รายได้จากตลาดประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ปากีสถาน และพม่า จะเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญให้แก่บริษัทในปี 2562

ในทำนองเดียวกัน ความสามารถในการทำกำไรจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าระดับเดิม เราคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย/รายได้) จะลดลงต่ำสุดที่ 1.4% ในปี 2561 และเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 5% ในปี 2562-2563 อัตรากำไรจากการดำเนินงานในอดีตอยู่ที่มากกว่า 10% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ 1.2%

ความเสี่ยงต่อกฎระเบียบที่ยังอยู่ในช่วงการพัฒนา

บริษัทจะยังคงเผชิญกับกฎระเบียบที่ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาเนื่องจากดำเนินงานอยู่ในตลาดเกิดใหม่ อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม และพม่า กฎระเบียบที่ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินงานที่อาจให้คุณหรือโทษต่อผู้เล่นในตลาด ภาษีนำเข้าใหม่ใน สปป.ลาว แสดงให้เห็นผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้เล่นในตลาด ณ ปัจจุบันอย่างบริษัท การขยายของบริษัทไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ อย่างเวียดนามและพม่าเป็นได้ทั้งโอกาสและอุปสรรค บริษัทได้ประโยชน์ทางภาษีจากการตั้งโรงงานผลิตใหม่ในประเทศเวียดนาม อีกทั้งเวียดนามได้ประกาศมาตรฐานการควบคุมมลพิษและการทดสอบความปลอดภัยใหม่เมื่อต้นปี 2561 ซึ่งรถยนต์นำเข้าทุกคันต้องได้รับการอนุมัติรูปแบบยานยนต์ (VTA) ส่งผลให้ผู้นำเข้ารถยนต์ต้องประสบความยากลำบากมากขึ้น แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตในประเทศอย่างบริษัท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ บริษัทจึงจำเป็นต้องแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายในประเทศเวียดนาม

ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น

ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น โดย สปป.ลาว ได้นำมาตรการหลายอย่างมาใช้เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้เงินกีบเพิ่มขึ้น เช่น นับตั้งแต่ปี 2560 รถยนต์ที่ขายใน สปป. ลาว ต้องตั้งราคาขายเป็นสกุลเงินกีบ ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นในอดีต แต่เนื่องจากบริษัทนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การเคลื่อนไหวของค่าเงินจึงอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานหากบริษัทไม่สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้น การขยายไปต่างประเทศของบริษัทยังเพิ่มความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากรถยนต์ของบริษัทถูกตั้งราคาขายเป็นสกุลเงินท้องถิ่น

ระดับการก่อหนี้จะลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับการก่อหนี้จะค่อย ๆ ลดต่ำลงเนื่องจากบริษัทเริ่มลดขนาดธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ของตัวเองลงตั้งแต่ปี 2560 อย่างไรก็ตาม ระดับการก่อหนี้จะไม่ลดลงมากนักเนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะยังคงปล่อยสินเชื่อรถยนต์ต่อไป โดยเราคาดว่ายอดขายเงินผ่อนจะอยู่ในช่วง 5%-15% ของยอดขายรถยนต์ ดอกเบี้ยรับสุทธิจากการขายเงินผ่อนจะช่วยรักษากำไรในภาพรวมเอาไว้ในขณะที่อัตรากำไรของธุรกิจขายรถยนต์ลดต่ำลง นอกจากนั้น บริษัทอาจต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังจากการขยายธุรกิจรถยนต์มือสองและการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ที่ 20%-30% ในช่วงปี 2561-2563 บริษัทไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ณ เดือนมีนาคม 2561 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 32.1% ทั้งนี้ เนื่องจากการเข้าถึงตลาดทุนในประเทศที่บริษัทดำเนินงานมีค่อนข้างจำกัด บริษัทจึงน่าจะดำรงการก่อหนี้ไว้ในระดับต่ำ

ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดเมื่อเทียบกับหนี้จะปรับตัวดีขึ้นหลังผลการดำเนินงานฟื้นตัวและหนี้ลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมไม่น่าที่จะฟื้นตัวกลับไปที่ระดับเดิมในอดีตซึ่งมากกว่า 25% โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 18% ณ เดือนมีนาคม 2561 และเราคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 10% ในช่วงปลายปี 2561 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 10%-15% ในช่วงปี 2562-2563

มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินได้ในปีนี้

บริษัทไม่น่าที่จะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ไว้ได้ในช่วงปลายปี 2561 เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจะลดลงอย่างมากในปีนี้ ข้อกำหนดสำคัญของหุ้นกู้ระบุให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไว้ที่ไม่เกิน 5 เท่า โดยเราคาดว่าบริษัทจะได้รับการยกเว้นจากผู้ถือหุ้นกู้ก่อนจะถึงปลายปีนี้ ในปีหน้าเราคาดว่าผลการดำเนินจะปรับตัวดีขึ้นจนทำให้อัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงต่ำกว่า 5 เท่า

สภาพคล่องน่าจะสามารถจัดการได้จากการก่อหนี้ในระดับค่อนข้างต่ำ หนี้ส่วนใหญ่ (80%) เป็นหนี้ระยะสั้นที่ใช้สนับสนุนลูกหนี้จากการขายเงินผ่อนและสินค้าคงคลัง ในกรณีที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ลูกหนี้จากการขายเงินผ่อนสามารถใช้เป็นแหล่งเงินสดได้ ลูกหนี้จากการขายเงินผ่อนสุทธิจากหนี้อยู่ที่เกือบ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมีนาคม 2561 ทั้งนี้ หุ้นกู้จำนวน 25.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะครบกำหนดในปี 2563 ซึ่งเราคาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นแล้ว

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถฟื้นความสามารถในการแข่งขันในตลาดยานยนต์ใน สปป. ลาว รวมทั้งความสามารถในการทำกำไรได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป รายได้จากต่างประเทศจะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากการขยายไปต่างประเทศของบริษัทประสบความสำเร็จอย่างที่วางแผนไว้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่มากกว่า 5% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นสู่ระดับมากกว่า 20% อย่างมั่นคง ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากรายได้และกำไรยังคงลดต่ำลงหรือหากบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ไว้ได้หลังจากปี 2561

LVMC Holdings (LVMC)

อันดับเครดิตองค์กร: BB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ