ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 10, 2018 13:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement – PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากอัตราการก่อหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงและการทำรายการระหว่างกันของบริษัทในกลุ่ม นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating) ของทริสเรทติ้งแล้วถือว่าอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทเนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีกลุ่มผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นกลุ่มเดียวกันกับของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวช่วยให้มีรายได้มั่นคง

รายได้ของบริษัทประมาณ 75% มาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยรายได้ในส่วนนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. รวม 304 เมกะวัตต์ระยะเวลา 21 ปีถึง 25 ปี ด้วยกำลังการผลิตนี้คิดเป็น 42% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังขายไฟฟ้า 167.6 เมกะวัตต์ (ประมาณ 23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ให้แก่บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 1 ปีถึง 19 ปี ในขณะที่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำที่เหลือ

ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. บริษัทจะได้รับการจ่ายค่าพลังไฟฟ้า (Capacity Payment) และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment) จาก กฟผ. โดยค่าพลังไฟฟ้าจะชดเชยในส่วนเงินลงทุนและปรับตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนค่าพลังงานไฟฟ้านั้นจะชดเชยในส่วนของค่าใช้จ่ายผันแปรสำหรับการผลิตไฟฟ้า ในการนี้ กฟผ. จะต้องสั่งซื้อไฟฟ้าจากบริษัทในอัตราขั้นต่ำที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้ารายอื่นก็มีปริมาณการสั่งซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจากบริษัทด้วยเช่นกัน

อัตรากำไรได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนแปลง

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างค่าไฟฟ้าที่ได้รับกับต้นทุนเชื้อเพลิง ทั้งนี้ จากกำลังการผลิตที่ระดับ 726.05 เมกะวัตต์ ค่าไฟฟ้าของบริษัทที่ประมาณ 18.6% จะปรับไปตามราคาถ่านหินที่ประกาศโดย กฟผ. ซึ่งอ้างอิงจากดัชนีถ่านหิน JPU (Japanese Power Utility Index) ในขณะที่ค่าไฟฟ้าส่วนที่เหลือจะปรับไปตามราคาน้ำมันเตา รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียกเก็บจากลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ถ่านหินที่บริษัทใช้นั้นคิดเป็น 40% ของปริมาณเชื้อเพลิงทั้งหมดที่บริษัทใช้ (โดยเปรียบเทียบจากค่าความร้อน) ที่เหลืออีก 60% เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ราคาเชื้อเพลิงชีวมวลไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับราคาเชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้นราคาขายไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงจึงไม่สอดคล้องกันเนื่องจากมีการใช้ดัชนีอ้างอิงที่ต่างกัน

ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรขั้นต้นของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันเตาและก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มสูงขึ้นและจะนำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า Ft ดังนั้น ราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยที่บริษัทขายให้แก่ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรมจึงปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มนี้จะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่ออัตรากำไรของบริษัทในปีต่อ ๆ ไป

ธุรกิจเอทานอลมีผลขาดทุน

ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 ธุรกิจเอทานอลของบริษัทมีผลขาดทุน 78 ล้านบาท เนื่องจากราคามันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอลนั้นเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงตัดสินใจปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้ทั้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตซึ่งคาดว่าการปรับปรุงจะแล้วเสร็จในปี 2562

ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น

ผลการดำเนินงานของบริษัทโดยรวมปรับตัวดีขึ้นในปี 2561 โดยในช่วงปี 2559-2560 บริษัทประสบปัญหาทางเทคนิคในโรงไฟฟ้าหลายแห่งจนส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน โดยโรงไฟฟ้าของบริษัทมีระดับความพร้อมจ่ายที่ประมาณ 82%-83% ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินอยู่ในระดับสูงที่ 7%-10% ในช่วงดังกล่าว

บริษัทได้ดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้าซึ่งให้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีอัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินลดลงเหลือประมาณ 2% ในขณะที่ระดับความพร้อมจ่ายปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 91% ทริสเรทติ้งคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2563 โดยประมาณการว่าระดับความพร้อมจ่ายจะมากกว่า 85% ตามประวัติการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้) ของบริษัทเพิ่มเป็น 26.1% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 จากประมาณ 19% ในปี 2559 และปี 2560 ซึ่งเป็นผลจากผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นประกอบกับส่วนต่างกำไรที่มากขึ้น ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรอยู่ในช่วง 20%-25% ในระหว่างปี 2561-2563 แม้ว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจเอทานอลจะต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องก็ตาม

มีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง

ณ เดือนมีนาคม 2561 เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 22,119 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 72.6% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงปี 2561-2563 ทริสเรทติ้งคาดว่า อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในช่วง 65%-70% ในช่วงปี 2561-2563

สามารถจัดการกับสภาพคล่องได้

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะบริหารจัดการสภาพคล่องอย่างระมัดระวัง ในเดือนมีนาคม 2561 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่า 3,013 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเมษายนและตุลาคม 2561 มูลค่ารวม 2,003 ล้านบาทและจะนำเงินที่เหลือไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ธนาคารบางส่วน

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทประมาณการอยู่ที่ 2,000-2,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2562 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่ประมาณ 700-900 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนตุลาคม 2562 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทน่าจะกู้เงินใหม่เพื่อนำมาใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวบางส่วน นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขทางการเงินที่มีอยู่ทั้งในส่วนของหุ้นกู้และเงินกู้ธนาคารด้วย

ณ เดือนมีนาคม 2561 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 2,824 ล้านบาทและมีเงินกู้หมุนเวียนที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวนมากกว่า 2,000 ล้านบาท

มีเงินมัดจำจำนวนมากที่จ่ายให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ณ เดือนมีนาคม 2561 บริษัทยังคงมีเงินค่ามัดจำที่จ่ายให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) รวม 1,768 ล้านบาท เงินมัดจำที่ดินดังกล่าวสูงกว่าราคาที่ดินที่ผู้ประเมินราคาอิสระได้ประเมินไว้ที่ 678 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สัญญาซื้อที่ดินดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าบริษัทสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของที่ดินและราคาที่จะซื้อได้โดยจะสรุปราคาซื้อขายขั้นสุดท้ายหลังจากที่บริษัทได้รับอนุมัติใบอนุญาตให้สร้างโรงไฟฟ้า IPP ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว โดยราคาซื้อขายที่ดินขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับราคาประเมินโดยผู้ประเมินราคาอิสระบางส่วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้และสามารถบริหารการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้หุ้นกู้ (รีไฟแนนซ์) ได้อย่างเหมาะสม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ประสิทธิภาพของการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าซึ่งจะช่วยเพิ่มสถานะทางการเงินของบริษัทให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้าม ปัจจัยลบที่มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ผลการดำเนินงานที่ลดลงไปอีกหรือโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับอิทธิผลจากอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) เนื่องจากบริษัทและบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) มีกลุ่มผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นกลุ่มเดียวกัน
?
บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB-
NPS209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,013.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB-
NPS218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ