ธุรกิจการแพทย์ (HEALTCARE SERVICES)

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 14, 2018 14:30 —ทริส เรตติ้ง

ตลาดโดยรวมยังโตต่อเนื่องประมาณ 5%-7% ต่อปี แม้อัตราการเติบโตของคนไข้จากตะวันออกกลางจะชะลอตัวลง

บทสรุป

ทริสเรทติ้งคาดธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยจะยังคงโตต่อเนื่องได้ 5%-7% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยการเติบโตจะมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งช่วยชดเชยความต้องการจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกกลางที่ชะลอตัวลง

เราคาดว่าการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมน่าจะลดลง โดยบริษัทส่วนใหญ่น่าจะเน้นการยกระดับการให้บริการและการเพิ่มอัตราการครองเตียง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการที่ประชากรมีอายุที่ยืนยาวขึ้นทำให้คาดว่าบริษัทประกันสุขภาพจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว

กลุ่มผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนไป

ผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางถือเป็นกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติหลักที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างมากในปี 2558 ส่งผลให้อัตราการเติบโตของผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางลดลง ทำให้การเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มลดลง จากข้อมูลรายได้รวมของผู้ป่วยต่างชาติของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) พบว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมีอัตราการเติบโตเพียง 6% ต่อปี ในช่วงปี 2559-2560 ลดลงจากเคยเติบโตประมาณ 11% ต่อปีในช่วงปี 2556-2558 โดยตัวเลขรายได้รวมจากผู้ป่วยในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) สูงกว่ารายได้รวมจากผู้ป่วยในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางตั้งแต่ปี 2559

โรงพยาบาลเอกชนเน้นการยกระดับการให้บริการ

ทริสเรทติ้งคาดผู้ประกอบการในตลาดจะเน้นการเติบโตจากภายใน การควบรวมกิจการน่าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ขนาดของการควบรวมอาจจะไม่ใหญ่มากเหมือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยผู้เล่นรายใหญ่จะเน้นการยกระดับการให้บริการและเพิ่มอัตราการครองเตียงของโรงพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่จำกัดทำให้การขยายธุรกิจโดยการเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลทำได้ยากขึ้น จากตัวเลขขององค์การอนามัยโลกปี 2558 พบว่าจำนวนแพทย์และพยาบาลของประเทศไทยมีสัดส่วนแพทย์พียง 0.47 คนต่อประชากร 1,000 คน และมีพยาบาล 2.294 คนต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสิงคโปร์ โดยประเทศเหล่านี้มีจำนวนแพทย์มากกว่า 2 คนต่อประชากร 1,000 คน แม้ว่าในขณะนี้ประเทศไทยจะผลิตแพทย์ได้ราว 3,000 คนต่อปี ก็ยังจะต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการเพิ่มสัดส่วนแพทย์ให้เป็น 1 คนต่อประชากร 1,000 คน

ธุรกิจประกันสุขภาพจะมีบทบาทสำคัญ

ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจประกันสุขภาพจะมีบทบาทสำคัญในธุรกิจการแพทย์ของไทย ความแออัดในโรงพยาบาลรัฐและระยะเวลาในการรอรับการรักษาที่ค่อนข้างนานทำให้ผู้ป่วยที่มีฐานะปานกลางถึงสูงมีแนวโน้มที่จะไปรับบริการที่โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายการให้บริการทางด้านสุขภาพที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 3%-5% ต่อปี ทำให้จำนวนประชาชนหันไปทำประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเจ็บป่วย จากข้อมูลรายได้รวมของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พบว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มบริษัทประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากกลุ่มบริษัทประกันของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพพบว่ามีสัดส่วนประมาณ 23.3% ของรายได้การให้บริการรวมในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 15.3% ของรายได้การให้บริการรวมในปี 2555 ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากบริษัทประกันของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพิ่มขึ้นเป็น 13.8% ของรายได้การให้บริการรวมในปี 2560 จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 11.9% ของรายได้การให้บริการรวมในปี 2555

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิต

ในปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตของผู้ประกอบการ 3 ราย คือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) และ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH) เราคาดว่าผลประกอบการโดยรวมของทั้ง 3 บริษัทน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากความต้องการรวมถึงความรุนแรงของโรคที่เพิ่มมากขึ้น การเติบโตของธุรกิจจากการควบรวมกิจการน่าจะลดน้อยลง ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตน่าจะเกิดจากผลการดำเนินงานและความสามารถในการควบคุมต้นทุน

อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
ข้อมูลทางการเงินของผู้ประกอบการธุรกิจการแพทย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ค่อนข้างแข็งแรงทั้งในแง่ของอัตรากำไรและโครงสร้างการเงิน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุด 3 รายแรกที่ได้รับการจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง (BDMS BH และ BCH) น่าจะยังคงมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยการเติบโตของรายได้น่าจะมาจากการยกระดับคุณภาพการให้บริการและการเพิ่มอัตราการครองเตียง นอกจากนี้ ทั้ง 3 บริษัทยังมีความได้เปรียบด้านต้นทุนจากธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ปัจจุบันรายได้รวมของทั้ง 3 บริษัทในปี 2560 คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 70% ของรายได้รวมของทั้ง 21 บริษัทในที่จดทะเบียนในหมวดธุรกิจการแพทย์ของ ตลท.
จากข้อมูลทางการเงินของทั้ง 21 บริษัทในที่รวบรวมโดยทริสเรทติ้งในช่วงปี 2555-2560 พบว่าฐานะทางการเงินโดยรวมค่อนข้างดีสม่ำเสมอ ความสามารถในการทำกำไรวัดจากอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ทรงตัวที่ระดับประมาณ 24%-26% โดยมีอัตรากำไรเบื้องต้นที่ประมาณ 35% และอัตรากำไรสุทธิที่ไม่รวมรายการพิเศษอยู่ที่ประมาณ 14%-16% อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้อย่าง อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายทรงตัวที่ประมาณ 1-2 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน) อยู่ในระดับที่สูงประมาณ 14-17 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนต่ำกว่า 35% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
 โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500, www.trisrating.com
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ