ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 22, 2019 11:10 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA; อันดับเครดิต “A-/Stable”) ซึ่งเป็นผู้นำระดับประเทศในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจพัฒนากระจายสินค้าอย่างครบวงจร

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแต่เพียงผู้เดียวในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนฐานรายได้ประจำที่บริษัทได้รับจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า และฐานะทางการเงินที่มั่นคง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)

บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ในการรับผิดชอบธุรกิจสาธารณูปโภคและการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ในปี 2561 บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1,871 ล้านบาท (22% ของรายได้ของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น) และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่ระดับ 1,279 ล้านบาท (30% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น)

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 74% แผนธุรกิจและนโยบายทางการเงินของบริษัทมีความสอดคล้องกับของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHAID) ได้ทำสัญญาเช่าสิทธิกับบริษัทเป็นระยะเวลา 50 ปีเพื่อให้สิทธิบริษัทแต่เพียงผู้เดียวในการให้บริการสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเปิดใหม่ในอนาคต โดยสัญญาที่ทำขึ้นนี้ครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมียนมา และเวียดนาม การที่บริษัทได้รับสิทธิในการเป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแต่เพียงผู้เดียวช่วยให้บริษัทมีความเสี่ยงในการดำเนินงานที่ต่ำจากการที่คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่เหล่านี้ได้

ธุรกิจสาธารณูปโภคเติบโตอย่างแข็งแรง

รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคคาดว่าจะเติบโตขึ้นโดยมีสาเหตุหลักจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและธุรกิจผลิตไฟฟ้า รวมถึงการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ที่ประเทศเวียดนามอีกด้วย นอกจากนี้ การขยายกลุ่มลูกค้าไปยังลูกค้ารายใหม่นอกนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทดับบลิวเอชเอ

คอร์ปอเรชั่น และสินค้าที่พัฒนาใหม่ เช่น น้ำปราศจากแร่ธาตุและการเปลี่ยนน้ำเสียจากอุตสาหกรรมเป็นน้ำสะอาดกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้า

ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเติบโตที่ระดับ 5% จากปี 2560 สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) จำนวน 5 แห่งที่เปิดดำเนินการเต็มปีเป็นปีแรก ในระหว่างปี 2559-2561 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภคที่ระดับ 700-800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50%-60% ของยอดทั้งหมดของบริษัท ประมาณการรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 1,900-2,400 ล้านบาทและ 900-1,000 ล้านบาทต่อปี ตามลำดับในปี 2562-2564

กระแสเงินสดจากธุรกิจไฟฟ้าที่ค่อนข้างแน่นอน

กระแสเงินสดที่มั่นคงเกิดจากธุรกิจไฟฟ้าที่ทางบริษัทได้ร่วมลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงหลายราย โดยบริษัทถือหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลายแห่งภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (Very Small Power Producer -- VSPP) ปัจจุบันกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 552 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 570 เมกะวัตต์ภายในปี 2562

บริษัทได้รับเงินปันผลจากโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 532 ล้านบาทในปี 2561 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 42% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย และคาดว่าเงินปันผลรับจะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 1,500-1,800 ล้านบาทต่อปีเมื่อโรงไฟฟ้าทั้งหมดที่บริษัทลงทุนดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ครบทุกหน่วยตามแผนงานในช่วงปี 2562-2564

?

อัตรากำไรที่มั่นคง

อัตรากำไรของบริษัทในส่วนของบริการสาธารณูปโภคค่อนข้างมั่นคงเนื่องจากบริษัทคิดราคาจากต้นทุนบวกส่วนเพิ่ม (Cost-plus Basis) อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 41%-45% ในช่วงปี 2559-2561 อัตรากำไรของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการสาธารณูปโภครายใหญ่เพราะบริษัทซื้อน้ำดิบประมาณ 80% จาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทในช่วงปีประมาณการยังอยู่ที่ระดับ 41%-42%

ภาระหนี้คงที่

โครงสร้างทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 37% ในปี 2560 และ 2561 จากระดับ 59% ในปี 2559 สาเหตุหลักมาจากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชน (Initial Public Offering -- IPO) ในเดือน เมษายน 2560 โดย 80% ของเงินดังกล่าวได้ถูกนำไปจ่ายชำระคืนหนี้ เงินกู้รวมของบริษัท ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 8,333 ล้านบาท

บริษัทวางแผนจะขยายขอบเขตใน 2 ธุรกิจหลักได้แก่ธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาได้แก่ การให้บริการน้ำอุตสาหกรรมหลากหลายนอกเหนือจากน้ำอุตสาหกรรมพื้นฐาน การให้บริการน้ำในเขตชุมชน ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โรงไฟฟ้าพลังงานขยะและการค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ งบการลงทุนสำหรับโรงงานผลิตน้ำ รวมทั้งการลงทุนในโรงไฟฟ้าจะอยู่ที่ระดับ 1,900-2,800 ล้านบาทต่อปีระหว่างปี 2562-2564 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ที่ระดับ 37% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

สภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ที่บริหารจัดการได้

สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีและคาดว่าจะสามารถจ่ายชำระหนี้ได้ บริษัทไม่มีภาระหนี้สินระยะสั้นที่จะครบกำหนดภายในปี 2562 แต่มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2563 จำนวน 4,000 ล้านบาท แหล่งเงินทุนแรกของบริษัทมาจากเงินทุนจากการดำเนินงาน ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในระดับที่สูงและภาระหนี้ในระดับที่ยอมรับได้ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เป็นที่น่าพอใจ การจัดหาเงินกู้ใหม่เพื่อทดแทนเงินที่จะครบกำหนดชำระจะเป็นแหล่งเงินทุนลำดับต่อมาถ้าจำเป็น บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายนอกได้อย่างง่ายเนื่องจากบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและผลการดำเนินงานที่ดี

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้คาดว่าจะเติบโตระหว่าง 9%-14% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ในธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตไฟฟ้า

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 41% ในช่วงปีประมาณการ

• งบการลงทุน จะอยู่ที่ระดับ 1,900-2,800 ล้านบาทต่อปีโดยพิจารณาจากข้อมูลของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่ดีจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและเงินปันผลรับที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าตามที่วางแผนไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

ในฐานะที่บริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตของบริษัทจึงเป็นไปตามทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดที่เกี่ยวกับอันดับเครดิตของหรือความสัมพันธ์กับบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
WHAUP208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
WHAUP208B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
WHAUP216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,390 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
WHAUP236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,290 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
WHAUP256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,320 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ