ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี” ที่ “BB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 25, 2019 16:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BB+” โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยาวนานและทำเลที่ดีของสินทรัพย์หลักของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดบางส่วนจากการที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดและขนาดธุรกิจที่เล็ก ตลอดจนมีการกระจุกตัวด้านพื้นที่ของธุรกิจ และมีความเสี่ยงจากวงจรที่มีลักษณะขึ้นลงและการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลประกอบการของบริษัทที่ค่อนข้างอ่อนแออย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในพื้นที่ของตนเอง

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานของบริษัทซึ่งได้สร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงในจังหวัดชลบุรี สินทรัพย์หลักของบริษัทในปัจจุบันประกอบด้วยโรงงานคอนกรีตสำเร็จรูปหลายแห่ง โรงงานอิฐมวลเบา 1 แห่ง และร้านค้าปลีกสมัยใหม่สำหรับจำหน่ายสินค้าปรับปรุงบ้านอีก 1 แห่ง สินทรัพย์เหล่านี้ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีซึ่งได้รับประโยชน์จากอัตราการเติบโตของสิ่งก่อสร้างที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยและแนวโน้มธุรกิจที่ดีจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor -- EEC) ของรัฐบาล

ผลกระทบเชิงลบหลังจากการขายโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ

ผลการดำเนินงานของบริษัทในธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จถดถอยลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จรายใหม่ ๆ ในบริเวณพื้นที่หลายแห่งของบริษัท ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทลดลงเหลือประมาณ 500 ล้านบาทในปี 2561 จากระดับ 1,000 ล้านบาทในปี 2556 การแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าวส่งผลทำให้กำไรจากธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จของบริษัทลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน

บริษัทตัดสินใจขายโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จทั้งหมดให้แก่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายหนึ่งในเดือนสิงหาคม 2561 และลดจำนวนพนักงานลงเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จต่อไปโดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตรายอื่น ๆ แทนโดยเน้นการให้บริการด้านโลจิสติกส์เนื่องจากบริษัทมีรถบรรทุกเพื่อการขนส่งเป็นจำนวนมาก

ทริสเรทติ้งมองว่าการขายโรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จของบริษัทจะทำให้สถานะทางธุรกิจของบริษัทอ่อนแอลงแม้ว่าจะได้ประโยชน์จากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายก็ตาม ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าจำนวนสินทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่น้อยลงนั้นบ่งบอกถึงความสามารถในการรับงานระยะยาวหรือมีขนาดใหญ่ที่ลดลง การขายสินทรัพย์ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างรายได้ในระยะยาวของบริษัท รวมถึงจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดและขนาดของธุรกิจของบริษัทหดตัวลงอีกด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จถือเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัทซึ่งโดยปกติแล้วจะสร้างรายได้ประมาณ 25%-30% ของรายได้ทั้งหมด

ธุรกิจที่มีขนาดเล็กและรายได้ที่กระจุกตัว

บริษัทมีตำแหน่งทางการตลาดที่อ่อนแอโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 2%-3% ของตลาดโดยรวม ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มีขนาดของรายได้ที่เล็กเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งยังมีประเภทสินค้าที่จำกัด ส่วนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทนั้นยังจำกัดวงอยู่เฉพาะในเขตจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น ทั้งนี้ การมีขนาดธุรกิจที่เล็กส่งผลทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความอ่อนไหวได้ง่ายหากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดขาลง นอกจากนี้ สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในด้านพื้นที่ดำเนินธุรกิจอีกด้วยเนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทนั้นมาจากจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง

เป็นอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันรุนแรง

อัตรากำไรของบริษัทนั้นจัดว่าน้อยและมีความผันผวนเนื่องจากความต้องการสินค้าของบริษัทขึ้นอยู่กับโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งมีความอ่อนไหวตามวงจรที่ขึ้นและลงของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การแข่งขันในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างนั้นค่อนข้างรุนแรงเมื่อพิจารณาจากลักษณะของการแข่งขันด้านราคา การมีลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกันน้อย และการมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด

ผลประกอบการยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง

ในปี 2561 สถานะทางการเงินของบริษัทนั้นยังคงด้อยลงจากธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จที่ยังย่ำแย่และอัตรากำไรที่ลดลงของธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป ทั้งนี้อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขาย) ของบริษัทลดลงเหลือ 6.5% ในปี 2561 จาก 8.3% ในปี 2560 กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายก็ลดลง 19.4% สู่จุดต่ำสุดที่ 158 ล้านบาทในปี 2561 จาก 196 ล้านบาทในปี 2560 ในขณะเดียวกัน กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทก็อ่อนแอลงเช่นกันโดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินลดลงเหลือ 11.6% ในปี 2561 จาก 20.4% ในปี 2560

ในการประมาณการสำหรับปี 2562-2564 นั้น ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงไปอีกจากยอดจำหน่ายที่ลดลงในธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จหลังจากการขายโรงงานไปแล้ว อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายมีโอกาสที่จะฟื้นตัวจากการลดต้นทุนคงที่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและการ

ฟื้นตัวของความต้องการวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะมาจากโครงการของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ภายใต้สมมุติฐานขั้นพื้นฐานของทริสเรทติ้ง รายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วงประมาณ 2,200 ล้านบาทต่อปี ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาเป็น 180 ล้านบาทจาก 160 ล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ในช่วง 120-150 ล้านบาทต่อปี

คาดว่าภาระหนี้จะลดลง

ในปี 2561 บริษัทได้ทำการชำระหนี้หุ้นกู้ส่วนใหญ่ด้วยเงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อที่จะลดความเสี่ยงจากการชำระคืนหุ้นกู้ขนาดใหญ่ในครั้งเดียว (Bond Bullet Payment) ณ เดือนธันวาคม 2561 บริษัทมีหนี้เงินกู้รวมอยู่ที่ 854 ล้านบาท โดยเงินกู้ยืมจากธนาคารมีสัดส่วนอยู่ที่ 77% ของเงินกู้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 48% ในปีก่อนหน้า

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ในขณะที่เงินลงทุนคาดว่าจะลดลงในช่วงที่ยากลำบากนี้ ทั้งนี้ การผ่อนชำระคืนเงินกู้ธนาคารตามกำหนดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้จำนวนหนี้สินของบริษัทลดลง ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะลดลงเหลือ 36% ในปี 2562 และเหลือ 32% ในปี 2564 จาก 38.6% ณ สิ้นปี 2561

สภาพคล่องตึงตัว

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทนั้นยังไม่เพียงพอเนื่องจากภาระผูกพันทางการเงินที่จะถึงกำหนด โดยในอีก 12 เดือนข้างหน้าบริษัทมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้คงค้างจำนวน 160 ล้านบาทและเงินกู้ยืมระยะยาวที่ต้องผ่อนชำระอีกจำนวน 112 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีการจ่ายเงินปันผลอีกจำนวน 28 ล้านบาทและคาดว่าจะมีเงินลงทุนอีกจำนวน 70 ล้านบาทด้วย ในช่วงดังกล่าว แหล่งที่มาของเงินทุนของบริษัทจะประกอบด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานซึ่งประมาณการที่จำนวน 120 ล้านบาท เงินสดในมือจำนวน 34 ล้านบาท เงินรับยอดสุดท้ายจากการขายโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จจำนวน 30 ล้านบาท และสินเชื่อธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกถอนอีกจำนวน 160 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนแผนการใช้เงินลงทุนที่มากกว่าแหล่งของเงินทุนที่หาได้ดังกล่าว บริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการสภาพคล่องอย่างระมัดระวัง

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทคาดว่าจะลดลงประมาณ 10% หรืออยู่ในระดับ 2,200 ล้านบาทในปี 2562 และจะคงอยู่ในระดับดังกล่าวต่อไปในปี 2563 และปี 2564

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเป็นประมาณ 7.0%-8.0%

• เงินลงทุนของบริษัทคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี

• อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยจะสูงขึ้นและอยู่ในช่วง 15%-20% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าการแข่งขันที่รุนแรงจะยังสร้างแรงกดดันต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่อไป หนี้เงินกู้ของบริษัทนั้นมีแนวโน้มที่จะลดลงเพื่อที่จะรักษาสมดุลของอัตราส่วนระหว่างกระแสเงินสดและเงินกู้ รวมทั้งเพื่อคงความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเอาไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดให้มากเพียงพอที่จะใช้รองรับภาระหนี้ได้ซึ่งอาจเกิดได้จากการมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นเป็นระยะเวลานานและระดับหนี้เงินกู้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการสภาพคล่องให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะป้องกันผลกระทบในเชิงลบในกรณีที่ตลาดย่ำแย่ลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอลงมากกว่านี้ และ/หรือหนี้เงินกู้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญโดยอาจเห็นได้เมื่ออัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทลดต่ำกว่า 10% เป็นระยะเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550
?
บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ