ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น” ที่ “AA” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 5, 2019 15:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของประเทศ ตลอดจนสภาพคล่องที่เพียงพอ และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เข้มแข็งของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีปัจจัยเสริมบางส่วนจากการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก Telenor ASA (Telenor) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสื่อสารแบบไร้สายและการลงทุนในระดับสูงสำหรับการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ ๆ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความเสี่ยงเรื่องคลื่นความถี่คลายลง

สัญญาสัมปทานในการใช้คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ (Megahertz -- MHz) และ 850 เมกะเฮิรตซ์ของบริษัทสิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายน 2561 บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดยบริษัททั้งหมดได้ทำการประมูลและชนะการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ (Spectrum) 1800 เมกะเฮิรตซ์และ 900 เมกะเฮิรตซ์เมื่อเดือนสิงหาคมและเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยคลื่นความถี่ใหม่ดังกล่าวจะนำมาใช้ควบคู่ไปกับคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ที่บริษัทดีแทค ไตรเน็ต มีอยู่ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บริษัทดีแทค ไตรเน็ต ยังเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อให้บริการ 4G (Fourth Generation) บนคลื่นความถี่ 2300 เมกะเฮิรตซ์อีกด้วย

ปัจจุบันบริษัทมีคลื่นความถี่ในความครอบครองจำนวนมากกว่า 60 เมกะเฮิรตซ์ซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการการรับและส่งข้อมูลที่ต้องการความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังพยายามปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้บริการของลูกค้าและปรับปรุงคุณภาพโครงข่ายสื่อสารของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในบริการของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการแข่งขันของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นโดยมีแรงสนับสนุนจากคลื่นความถี่ใหม่และคุณภาพโครงข่ายที่พัฒนาดีขึ้นด้วย

การแข่งขันที่รุนแรงทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลง

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าและผลการดำเนินงานของบริษัทลดน้อยลงอันเป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม จำนวนลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่ใช้บริการแบบระบบเติมเงินลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ความกังวลในความไม่แน่นอนหลังการสิ้นสุดสัมปทานก็ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทด้วยเช่นกัน

ผลการดำเนินการของบริษัทในปี 2561 ลดลงและด้อยกว่าคู่แข่ง โดยรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 74,980 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากปี 2560 ส่วนรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charges -- IC) นั้นลดลง 2.8% มาอยู่ที่ 63,014 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2561 บริษัทมีลูกค้าจำนวน 21.2 ล้านราย ลดลงจาก 22.7 ล้านราย ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งจำนวนลูกค้าที่ลดลงนั้นมาจากลูกค้าระบบเติมเงินเป็นสำคัญ

มูลค่ารวมของรายได้ในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมในปี 2561 เติบโต 2% จากปีก่อน โดยมาอยู่ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาท ตลาดมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยที่ระดับ 4.3% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในทางกลับกัน รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของบริษัทกลับลดลงโดยเฉลี่ย 1.6% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเมื่อคิดจากรายได้อยู่ที่ 24.2% ในปี 2561 ลดลงจาก 25.4% ในปี 2560 และ 26.7% ในปี 2559

เผชิญกับความท้าทายในการสร้างการเติบโต

บริษัทเน้นการขยายฐานลูกค้าในระบบจ่ายรายเดือนโดยมีกลยุทธ์ที่จะเปลี่ยนลูกค้าระบบเติมเงินให้มาเป็นระบบรายเดือนซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายที่สูงกว่า

เมื่อพิจารณาจากคลื่นความถี่ใหม่ที่ได้มา ประกอบกับแผนการลงทุนขยายโครงข่าย 4G แล้วคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้จำนวนลูกค้าของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าระบบจ่ายรายเดือนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้บริการด้านข้อมูลก็จะเพิ่มสูงขึ้นและจะค่อย ๆ ผลักดันให้รายได้จากลูกค้าระบบจ่ายรายเดือนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการแข่งขันและผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับดีขึ้น

เงินทุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้สูงกว่า 38% ในปี 2560 และปี 2561 โดยเปรียบเทียบกับที่ระดับประมาณ 33% ในปี 2558 และปี 2559 อันเป็นผลเนื่องมาจากการมีต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ (Regulatory Cost) ที่ลดลง ประกอบกับการที่บริษัทลดค่าอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์และมีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ระมัดระวัง

?

เมื่อสัมปทานสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2561 ลูกค้าทั้งหมดและโครงข่ายดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัทก็ย้ายไปอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาต ซึ่งจะทำให้บริษัทเกิดการประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าธรรมเนียมตามใบอนุญาตอยู่ที่ประมาณ 4% ของรายได้จากการให้บริการต่อปี ในขณะที่ภายใต้ระบบสัมปทานนั้น บริษัทมีต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 20%-30% ของรายได้

บริษัทได้ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลงซึ่งรวมไปถึงการลดค่าอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการตลาด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดลดลง 32% มาอยู่ที่ 4,868 ล้านบาทในปี 2560 จากระดับ 7,192 ล้านบาทในปี 2559 และต่อมาในปี 2561 ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดก็ลดลงอีก 2%

กระแสเงินสดของบริษัทยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าจำนวนลูกค้าและรายได้จะลดลงก็ตาม บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 29,541 ล้านบาทในปี 2561 และมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 29,500 ล้านบาทต่อปีในปี 2560 และปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.5% จากระดับ 25,948 ล้านบาทในปี 2559

ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงและจำนวนลูกค้าในระบบจ่ายรายเดือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายที่สูงเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าต้นทุนส่วนแบ่งรายได้จะลดลงก็ตาม แต่ก็คาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่สูงขึ้นเข้ามาแทนที่เนื่องจากบริษัทมีความพยายามที่จะสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้กลับมาอีกครั้ง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายจะยังอยู่ในระดับสูงเพราะบริษัทจะเพิ่มความหนาแน่นของโครงข่ายบริการ อีกทั้งยังมีรายจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่บริษัททีโอที นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายจ่ายค่าเช่าในการใช้โครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์โทรคมนาคมให้แก่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท.) อีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2562-2564 บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ในช่วงประมาณ 23,000-24,000 ล้านบาทต่อปี

ภาระหนี้สินที่สูงขึ้นทำให้สถานะทางการเงินอ่อนแอลง

เมื่อเดือนมกราคม 2562 บริษัทได้ประกาศว่าบริษัทจะระงับข้อพิพาททางกฎหมายซึ่งมีมาอย่างยาวนานกับ กสท. โดยบริษัทจะชำระค่าตอบแทนเพื่อระงับข้อพิพาทดังกล่าวด้วยเงินจำนวน 9,510 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับการนี้ไว้แล้วในปลายปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระการชำระค่าคลื่นความถี่ใหม่มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องลงทุนเพื่อขยายโครงข่ายอีกด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นเป็นผลทำให้สถานะการเงินของบริษัทในปี 2561 อ่อนแอลง โดยบริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 74,307 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ 39.6% ลดลงจาก 103.2% ในปี 2560 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 2.5 เท่าในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 0.9 เท่าในปี 2560

ในช่วงปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงพอประมาณ

ทริสเรทติ้งประมาณการว่าเงินลงทุนสำหรับขยายโครงข่ายของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในช่วง 30%-45% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะอยู่ในระดับสูงกว่า 70% ในปี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนนี้จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อบริษัทเริ่มมีรายได้จากการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ใหม่ โดยอัตราส่วนจะลดลงต่ำกว่า 60% ภายในปี 2564 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.8 เท่าในปี 2562 และหลังจากนั้นจะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 2.5 เท่าในปี 2563

สภาพคล่องที่เพียงพอ

ในระยะ 12-24 เดือนข้างหน้าบริษัทน่าจะมีแหล่งสภาพคล่องที่เพียงพอที่จะรองรับภาระผูกพันทางการเงินต่าง ๆ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานปีละประมาณ 23,000-24,000 ล้านบาทและเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอีกจำนวน 14,090 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 ในขณะที่ความต้องการใช้เงินทุนจะมาจากค่าใช้จ่ายลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปี และภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระอีกประมาณ 21,200 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทรักษาระดับความยืดหยุ่นทางการเงินให้เพียงพอ โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในระดับที่เหมาะสมเพื่อจะได้มีกระแสเงินสดที่เพียงพอรองรับภาระเงินลงทุนก้อนใหญ่เพื่อขยายโครงข่ายและสำหรับเป็นเงินทุนในการจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่ได้มา

การสนับสนุนจาก Telenor

บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก Telenor มาเป็นระยะเวลากว่า 14 ปีแล้ว โดย Telenor เป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 42.6% ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 อนึ่ง บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก Telenor ทั้งในด้านความช่วยเหลือในการบริหารจัดการ ความรู้ด้านเทคโนโลยี การใช้ตราสัญลักษณ์ร่วมกัน และการใช้บริการข้ามเครือข่าย โดย Telenor เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของบริษัทซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้บริหารเข้ามาร่วมงานด้วย

ทั้งนี้ บริษัทถือว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจของ Telenor โดยบริษัทเป็นผู้สร้างรายได้ในระดับแนวหน้าในกลุ่มบริษัทที่ Telenor ลงทุนนอกประเทศนอร์เวย์ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดหวังว่า Telenor จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในยามที่ต้องการต่อไป

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

• อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 35%-36% ในช่วงปี 2562-2564

• บริษัทจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 15,000 ล้านบาทเพื่อขยายโครงข่ายการให้บริการในช่วงปี 2562-2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางการตลาดของบริษัทจะฟื้นตัวดีขึ้นและบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แม้ว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนขยายโครงข่ายจำนวนมาก แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะยังอยู่ในระดับที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ายังมีจำกัด ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้หากบริษัทมีผลการดำเนินงานด้อยกว่าที่คาด หรือหากกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกันในกรณีที่ทริสเรทติ้งเห็นว่าระดับความช่วยเหลือที่บริษัทได้รับจาก Telenor นั้นเปลี่ยนแปลงไป

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC)
อันดับเครดิตองค์กร: AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ