ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. ธนชาต” ที่ “A+” แนวโน้มเครดิตพินิจ “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 9, 2019 11:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้รับการแทนที่ด้วยเครดิตพินิจ (CreditAlert) แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ING Groep N.V. (ING) และ Bank of Nova Scotia Ltd. (BNS) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อดำเนินการรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ทั้งนี้ เครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” สื่อความว่าอันดับเครดิตของบริษัทอาจไม่เปลี่ยนแปลงหรืออาจได้รับการปรับลดลงจากในระดับปัจจุบันเมื่อทริสเรทติ้งทำการทบทวนเครดิตพินิจในคราวต่อไป

อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกซึ่งมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต (อันดับเครดิต “AA-/Stable”) โดยอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมาจากความสามารถในการรักษากำไรในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง รวมถึงจากการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ การมีฐานทุนที่เข้มแข็ง และแนวโน้มที่จะได้รับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตที่จำกัด อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่บริษัทพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นแหล่งรายได้หลัก

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต

อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารธนชาตและเป็นสมาชิกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและในด้านการเงิน บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากสาขาของธนาคารธนชาตในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยในปี 2561 สัดส่วน 14% ของบัญชีเปิดใหม่ของบริษัทล้วนเป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารธนชาต และรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากบัญชีลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารแม่ก็คิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของรายได้ค่านายหน้าทั้งหมดของบริษัทในปี 2561

บริษัทยังสามารถนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการของธนาคารธนชาตมาใช้ต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัทอย่างครบวงจร อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจและรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากบริษัทในกลุ่มธนชาตอีกด้วย นอกเหนือจากความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจแล้ว ธนาคารธนชาตยังให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทผ่านการให้วงเงินสินเชื่ออีกด้วยเช่นกัน

ความสามารถในการทำกำไรมาจากผลของการบริหารค่าใช้จ่ายที่เข้มแข็ง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะคงความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจากความพยายามในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 7.3% ในปี 2561 จาก 6.3% ในปี 2560 แม้ว่าจะยังคงมีแรงกดดันต่ออัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของอุตสาหกรรมก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 50.3% ในปี 2561 จาก 52.2% ในปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ผลกระทบต่อรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงของบริษัทยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากบริษัทยังคงสามารถรักษาอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยไว้ได้ท่ามกลางสงครามราคาในอุตสาหกรรม โดยอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ระดับ 0.14% ในปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2560 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 0.10% ในปี 2561 ส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 4.8% ณ เดือนมิถุนายน 2561 หรือติดอันดับ 1 ใน 5 ลำดับแรกของอุตสาหกรรมแม้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในเชิงมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจะลดลงก็ตาม นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากตราสารอนุพันธ์มาช่วยเสริมรายได้อีกด้วย และทริสเรทติ้งก็คาดว่ารายได้ของบริษัทในส่วนนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

สภาพคล่องที่เพียงพอและระดับเงินทุนที่แข็งแรง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องชั่วคราวเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจในปัจจุบันได้ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อที่บริษัทได้รับจากธนาคารธนชาต นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินทรัพย์สภาพคล่อง (เงินสดและเงินลงทุน) คิดเป็น 33.5% ของสินทรัพย์รวม ณ เดือนมิถุนายน 2561 อีกด้วยโดยเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 37.6%

?

ถึงแม้ว่าอัตราส่วนชี้วัดโครงสร้างเงินทุนของบริษัทซึ่งวัดโดยอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับปรุงตัวเลขแล้วจะอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวลดลง แต่ฐานทุนของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 3,072 ล้านบาท ณ ปลายปี 2561 ก็มีเพียงพอที่จะดูดซับความเสี่ยงด้านเครดิตจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาของหลักทรัพย์ในเงินลงทุนของบริษัท

ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับปรุงตัวเลขแล้วอยู่ที่ 42.8% ลดลงเล็กน้อยจาก 44.3% ในปี 2560 โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ระดับ 38% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 7% ที่ทางการกำหนด

ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตอยู่ในระดับต่ำ

บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากการลงทุนโดยบัญชีของบริษัทเองถูกจำกัดอยู่ในกลยุทธ์ที่ไม่ผันผวนตามตลาด ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนแบบ Arbitrage และการซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนอขายโดยบริษัท บริษัทมีเงินลงทุนที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียน 2 แห่งซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท หรือ 63.7% ของเงินลงทุนทั้งหมด และเงินลงทุนเหล่านี้สร้างรายได้เงินปันผลที่ดีให้แก่บริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนจะจำหน่ายเงินลงทุนส่วนนี้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหมายความว่าบริษัทยังคงมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่ง ถึงกระนั้น ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าความเป็นไปได้ที่เงินลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลขาดทุนจากเงินลงทุนนั้นมีค่อนข้างต่ำเนื่องจากเงินลงทุนในส่วนนี้มีต้นทุนที่ต่ำนั่นเอง

บริษัทมียอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ค่อนข้างมากที่จำนวน 4,580 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 3,710 ล้านบาท

ณ สิ้นปี 2560 หรือคิดเป็น 6.3% ของอุตสาหกรรม หรือ 1.5 เท่าของฐานทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทอยู่ในเกณฑ์จำกัดเนื่องจากบริษัทมีนโยบายการให้เงินกู้เพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่ระมัดระวัง ซึ่งรวมไปถึงการเรียกหลักประกันเพิ่ม การบังคับขายที่เคร่งครัด และการคงนโยบายในการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลให้บริษัทไม่มีภาระการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นสำหรับหนี้สูญ

การพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์

รายได้ของบริษัทอาจมีความผันผวนเนื่องจากบริษัทพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นแหล่งรายได้หลัก โดยรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็น 67.6% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 61.5% ทั้งนี้ การพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้สร้างแรงกดดันต่อรายได้รวมของบริษัทจากสภาพการณ์ในการแข่งขันค่านายหน้าที่รุนแรงหลังจากการเปิดเสรี อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมูลค่าการซื้อขายและเพื่อลดแรงกดดันดังกล่าว ซึ่งเห็นได้จากอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทที่ปรับตัวลดลงช้ากว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน สัดส่วนจากรายได้ส่วนอื่นต่อรายได้รวมของบริษัทยังคงมีจำกัด โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้การเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงินนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 4.3% ของรายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 12.0% สัดส่วนกำไร (ขาดทุน) จากการซื้อขายหลักทรัพย์ต่อรายได้รวมของบริษัทก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมโดยคิดเป็น 5.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 8.0% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะขยายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสนอขาย เช่น ตราสารอนุพันธ์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระจายแหล่งรายได้ของบริษัทอย่างค่อยเป็นค่อยไปและช่วยรักษาเสถียรภาพทางรายได้ของบริษัทท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยจะลดลง 0.01% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 จาก 0.15% ในปี 2561

• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ระหว่าง 50%-52% ในช่วงปี 2562-2564

• อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 5%-7% ในช่วงปี 2562-2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของบริษัทอ้างอิงจากสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนชาตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ของบริษัทนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่อันดับเครดิตของบริษัทอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับธนาคารธนชาต ซึ่งปัจจุบันธนาคารธนชาตเป็นธนาคารแม่ที่ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท เมื่อมีการรวมธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารใหม่ และ/หรือเมื่อบริษัทกลายเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัททุนธนชาต

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจคงอยู่ที่ระดับเดิมหรือได้รับการปรับลดลงจากในระดับปัจจุบันซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มธนชาตและสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่และอันดับเครดิตของผู้ถือหุ้นดังกล่าว

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทหลักทรัพย์, 21 ธันวาคม 2560
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
?
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ