ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “HKL” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 19, 2019 13:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ Hattha Kaksekar Ltd. (HKL) ที่ระดับ “BBB+” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเพื่อสะท้อนสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บริษัทได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและในด้านการเงินมาโดยตลอด ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการสนับสนุนดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Solo Consolidation ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา อนึ่ง อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในสามของผู้ประกอบการชั้นนำซึ่งให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่รับเงินฝากได้และการมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศกัมพูชา รวมถึงการมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย และการมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงระดับประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชา ตลอดจนความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ และการแข่งขันที่สูงในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ล้วนเป็นข้อจำกัดต่ออันดับเครดิตของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

HKL เป็นหน่วยธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในประเทศกัมพูชา โดยบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 เป็นต้นมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้กำกับดูแลและควบคุมการดำเนินของ HKLอย่างใกล้ชิดผ่านคณะกรรมการของบริษัทซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารอาวุโสจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำนวน 5 คน นอกจากนี้ HKL ยังได้รับการสนับสนุนในด้านการดำเนินธุรกิจจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาอันได้แก่ ความรู้และทักษะทั้งด้านการปล่อยสินเชื่อและด้านเงินฝาก รวมทั้งระบบบริหารความเสี่ยงและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีบูรณาการร่วมกันอย่างเต็มที่กับระบบของธนาคารอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่า HKL จะได้รับการสนับสนุนในส่วนของสภาพคล่องและการเงินที่เพียงพอต่อการขยายธุรกิจสินเชื่อตามที่วางแผนไว้ ภายใต้แนวทางการกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสามารถให้การสนับสนุนในด้านการเงินแก่บริษัทได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทั้งในส่วนของเงินกู้ยืมวงเงินและการเพิ่มทุน ทั้งนี้ ในปี 2560 และปี 2561 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ทำการเพิ่มทุนให้แก่ HKL อย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2561

อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด

ทริสเรทติ้งมองว่าช่องว่างของกฎระเบียบในการกำกับดูแลระหว่างธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และรับเงินฝากได้(Microfinance Deposit Taking Financial Institution -- MDI) ในประเทศกัมพูชานั้นมีค่อนข้างน้อย HKL นั้นเป็นสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และรับเงินฝากซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศกัมพูชา (National Bank of Cambodia -- NBC) โดยที่ NBC ยังกำกับดูแลสถาบันการเงินอื่น ๆ ด้วย เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ (Microfinance Institution -- MFI) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Bank) บริษัทลีสซิ่ง และสำนักงานตัวแทน (Representative Office) ต่าง ๆ นอกจากนี้ ทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์และรับเงินฝากได้ยังมีเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio -- CAR) หลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) และหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการตั้งสำรอง เป็นต้น

ความเสี่ยงระดับประเทศของกัมพูชา

HKL ดำเนินธุรกิจเฉพาะในประเทศกัมพูชาเท่านั้น อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจึงสะท้อนความเสี่ยงระดับประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นประเทศรายได้ต่ำที่กำลังพัฒนาซึ่งมีการเติบโตสูง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product -- GDP) ของประเทศกัมพูชาเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2561 การใช้ระบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลหลักทำให้นโยบายทางการเงินของประเทศกัมพูชาค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้ประเทศมีเครื่องมือในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจน้อยและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกสูง

การเติบโตอย่างมากของสินเชื่อในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาและการยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าของสหภาพยุโรปที่มีต่อประเทศกัมพูชาเป็นปัญหาความเสี่ยงในแง่ลบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังมองว่าความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของหนี้ภาคเอกชนเมื่อเทียบสัดส่วนกับ GDP ที่เพิ่มขึ้นในระดับสูง ตลอดจนคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้นทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ รวมถึงการปรับกรอบการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ในขณะที่ความมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและเสถียรภาพทางด้านการเมืองก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการพิจารณาความเสี่ยงระดับประเทศ

คุณภาพสินเชื่ออยู่ในระดับที่รับได้แม้ว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ทริสเรทติ้งเชื่อว่า HKL จะสามารถคงอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งระดับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีโอกาสที่จะเพิ่มมากขึ้นหากเศรษฐกิจกัมพูชาชะลอตัวลง ความเสี่ยงในการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชาในมุมมองของทริสเรทติ้งน่าจะมาจากการถอดถอนสิทธิประโยชน์ทางการค้าของสหภาพยุโรปที่ให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีและไม่จำกัดจำนวนการนำเข้าสินค้าจากประเทศกัมพูชา (Everything But Arms -- EBA) หากมีการถอดถอนสิทธิประโยชน์ทางการค้าดังกล่าวก็จะทำให้ปริมาณการส่งออกของประเทศกัมพูชาลดลงและจะเพิ่มความเสี่ยงในการหดตัวของเศรษฐกิจกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมสุทธิของ HKL ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.09% ในปี 2560 และ 0.68% ในปี 2561 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่เป็นข้อมูลสาธารณะล่าสุดในปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.91% บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพียงพอที่ระดับ 204% ณ สิ้นปี 2561 และอยู่ในระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ฐานเงินทุนที่แข็งแรง

ณ สิ้นปี 2561 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของ HKL อยู่ที่ระดับ 19.96% เพิ่มขึ้นจาก 18.12% ณ สิ้นปี 2560 และ 15.98% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่ระดับ 15% ที่ถูกกำหนดโดย NBC และอัตรานี้ยังเป็นมาตรฐานเดียวกันกับของธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชาด้วย ฐานเงินทุนที่แข็งแรงขึ้นนั้นมาจากการเพิ่มทุนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในปี 2560 และปี 2561 ซึ่งทำให้ทุนจดทำเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่ม ขึ้นเป็น 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งเทียบเท่ากับฐานเงินทุนขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชา เพิ่มขึ้นจาก 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2559 การเพิ่มทุนนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มเงินทุนในการขยายสินเชื่อของ HKL อีกด้วย

สภาพคล่องที่ไม่สอดคล้องกันแต่สามารถบริหารจัดการได้

HKL มีแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินฝากที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ที่บริษัทได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการ MDI ในปี 2553 ที่ทำให้ HKL สามารถรับเงินฝากจากประชาชนทั่วไปได้ ณ สิ้นปี 2561 HKL มีฐานเงินฝากอยู่ที่ 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 63.4% ของสินเชื่อทั้งหมด การที่เงินฝากของ HKL ในสัดส่วน 94% เป็นเงินฝากระยะสั้นนั้นทำให้สภาพคล่องของบริษัทมีความไม่สอดคล้องกันของระยะเวลาของสัญญาเงินกู้และเงินรับฝากที่ได้มา อย่างไรก็ตาม เงินฝากระยะสั้นส่วนใหญ่นั้นเป็นเงินฝากหมุนเวียนที่ยังกลับมาฝากต่อและความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของ HKL ก็ลดทอนลงเนื่องจากบริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา

การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในประเทศกัมพูชา

ทริสเรทติ้งคาดว่าการแข่งขันในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในประเทศกัมพูชาจะรุนแรงยิ่งขึ้นเพราะการเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ NBC ยังได้ตั้งเพดานดอกเบี้ยรับสูงสุดไว้ที่อัตรา 18% สำหรับ MDI และ MFI มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 อีกด้วย แม้ HKL จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการตั้งเพดานดอกเบี้ยดังกล่าวเนื่องจากบริษัทคิดดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนใหญ่ในอัตราที่ต่ำกว่า 18% แต่การแข่งขันก็จะเพิ่มแรงกดดันต่อรายได้ดอกเบี้ยโดยรวมในอุตสาหกรรม ณ สิ้นปี 2561 ดอกเบี้ยรับของ HKLอยู่ที่ระดับ 17.2% ลดลงจากระดับ 20.2% ณ สิ้นปี 2559

สมมติฐานกรณีพื้นฐานระหว่างปี 2562-2564

• อัตราการเติบโตของยอดสินเชื่อของ HKL คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 20%-25% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ที่ราว ๆ 14%-16%

• อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ต่อปี

• อัตราการเติบโตของรายได้สุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5% ต่อปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าการดำเนินงานของบริษัทจะสอดคล้องควบคู่ไปกับกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนสมมติฐานของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป โดยที่จะมีการควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัทจะมีความแข็งแกร่งเพื่อที่จะรองรับความเสี่ยงในเชิงลบของธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในประเทศกัมพูชาได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มหากบริษัทมีสถานะทางการตลาดที่ดีขึ้น รวมทั้งมีผลประกอบการทางการเงินที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่องและสามารถควบคุมต้นทุนทางด้านสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญโดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมสูงเกิน 3% นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทก็อาจเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

Hattha Kaksekar Ltd. (HKL)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ