ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 26, 2019 16:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มทิสโก้ซึ่งมี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ที่บริษัทถือหุ้น 99.99% เป็นบริษัทลูกหลักที่ดำเนินธุรกิจ รวมถึงการได้รับเงินปันผลที่สม่ำเสมอจากธนาคารทิสโก้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ที่มีความมั่นคง และการมีเงินกองทุนและรายได้ที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากธุรกิจธนาคารที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก และการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมในระดับค่อนข้างสูง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธุรกิจการเงิน

อันดับเครดิตองค์กรของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทิสโก้ (จัดอันดับโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A/Stable”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่มอยู่ 1 ขั้น ซึ่งสะท้อนถึงการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้าง โดยสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทจะด้อยกว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของธนาคารทิสโก้ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพิงรายได้เงินปันผลจากธนาคารทิสโก้เป็นหลัก รวมทั้งการกำกับดูแลจากทางการซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัทด้วย

แหล่งที่มาของรายได้มีความหลากหลาย

เมื่อพิจารณาจากสถานะทางธุรกิจที่ ทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายโดยธุรกิจสำคัญ ๆ ประกอบด้วยธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ และธุรกิจบริหารกองทุน สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น ๆ โดยอยู่ที่ระดับ 30.4% ในปี 2561 โดยเป็นรายได้จากค่านายหน้าขายประกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์และการบริหารกองทุนเป็นสำคัญ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีสัดส่วน 37.0% ของรายได้รวม

ธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีขนาดค่อนข้างเล็กโดยมีจุดแข็งในด้านสินเชื่อรถยนต์

กลุ่มทิสโก้เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายสำคัญ จากฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งระบุว่ากลุ่มทิสโก้มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 8.6% ในปี 2560 ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 4 ในกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยจำนวน 18 ราย อย่างไรก็ตาม ธนาคารทิสโก้เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กจากขนาดของสินทรัพย์รวมในปี 2561 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.0% และเงินรับฝาก 1.6% จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่ง

ธุรกิจลูกค้ารายย่อยที่ยังมีสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก

ทริสเรทติ้งคาดว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการใช้ความชำนาญในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มาใช้ในการปล่อยสินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงต่อไป สินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ประกอบด้วยสินเชื่อที่ออกให้ทั้งที่ธนาคารทิสโก้ และที่ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม ภายใต้ชื่อ “สมหวัง เงินสั่งได้” โดยสินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ของกลุ่มมีอัตราการเติบโตทบต้นเฉลี่ยสูงถึง 18.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์ของธนาคารทิสโก้ที่จะขยายธุรกิจสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยอื่น ๆ โดยการซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยมาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในปี 2560 เป็นปัจจัยบวกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยกลุ่มลูกค้ารายย่อยดังกล่าวประกอบด้วยลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน รวมถึงลูกค้าเงินรายย่อยซึ่งได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของกลุ่มได้ในระดับหนึ่ง ในขณะที่การขายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลออกไปอาจเป็นปัจจัยจำกัดโอกาสในการขยายธุรกิจลูกค้ารายย่อยของธนาคาร แต่ทริสเรทติ้งก็มองว่าการขายธุรกิจดังกล่าวออกไปยังช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตของธนาคารได้ด้วย

มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง

ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งหลาย โดยประมาณการอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารทิสโก้อยู่ที่ระดับ 17%-18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่งเพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจ ทริสเรทติ้งยังมีสมมติฐานว่าธนาคารจะมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับประมาณ 5% ต่อปี และจะมีอัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 65%-75% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ เงินกองทุนชั้นที่ 1 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 78% ของเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2561 บ่งชี้ถึงคุณภาพเงินกองทุนของธนาคารซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง

รายได้ที่แข็งแกร่งช่วยส่งเสริมเงินกองทุน

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะคงความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงและรักษาแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลายเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวงจรธุรกิจได้ อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิต ที่อยู่ในระดับสูงและค่าใช้จ่ายการดำเนินการที่อยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยเสริมความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของกลุ่ม นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้ที่เป็นค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยอีกด้วย

อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทที่ระดับ 2.3% ในปี 2561 นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.3% ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตให้คงอยู่ในระดับสูงระหว่าง 3.4%-3.5% เอาไว้ได้ซึ่งสะท้อนถึงผลตอบแทนจากสินเชื่อดอกเบี้ยสูง ตลอดจนสะท้อนถึงการขายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลออกไป และต้นทุนเครดิตที่อยู่ในระดับต่ำ โดยบริษัทมีอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตในปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.1% ทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของบริษัทว่าจะอยู่ในระดับ 44%-45% ซึ่งสะท้อนถึงเงินลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในระยะ 3 ปีข้างหน้าด้วย

คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดี

ทริสเรทติ้มีความเห็นว่าบริษัทจะสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ดีโดยรวมได้โดยพิจารณาจากการบริหารความเสี่ยงที่ดีและนโยบายการขยายสินเชื่อที่ระมัดระวังของบริษัท ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและมีอัตราส่วนการตั้งสำรองอยู่ในระดับสูง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของกลุ่ม ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 2.86% โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.32% ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราวจากการปรับปรุงระบบการจัดชั้นและการรับรู้รายได้ของสินเชื่อประเภทผ่อนชำระอันประกอบด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติภายในช่วงกลางปี 2563 หลังจากการปรับปรุงระบบแล้วเสร็จ

ทริสเรทติ้งยังคาดว่าปัจจัยกดดันที่มีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะมีค่อนข้างจำกัดในระยะ 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มลูกหนี้ที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสัดส่วนน้อย อีกทั้งยังไม่มีความเสี่ยงจากสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อส่วนใหญ่นั้นเป็นการปล่อยกู้สำหรับการซื้อรถใหม่ซึ่งมีคุณภาพสินทรัพย์โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี

มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมในระดับสูง

แหล่งเงินทุนของบริษัทสะท้อนถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กซึ่งมีสัดส่วนของฐานเงินฝากรายย่อยที่ค่อนข้างน้อย สัดส่วนเงินฝากต่อแหล่งเงินทุนรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 76.3% ณ สิ้นปี 2561 จาก 70.7% ในปีก่อน อัตราส่วนบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (Current Account-Savings Account -- CASA) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 29.6% จาก 37.8% ในช่วงเวลาเดียวกันในขณะที่เงินฝากประจำเติบโตเติบโตเพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งลดลงสู่ระดับ 125% ในปี 2561 จากระดับ 139% ในปีก่อนก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำและการลดลงของเงินกู้ยืมในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นผลมาจากจากการปฏิบัติตามเกณฑ์การดำรงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (Net Stable Funding Ratio -- NSFR) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเพื่อเป็นการการบริหารต้นทุนทางการเงิน

สภาพคล่องเพียงพอ

สภาพคล่องของบริษัทมีเพียงพอ อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 21.2% ณ สิ้นปี 2561 ใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น ๆ อัตราส่วนสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) อยู่สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 158% ของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็ก และระดับ 183% ของธนาคารพาณิชย์ ตามตัวเลขที่ ธปท. รายงาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ต่อไปนี้คือสมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2562-2564

• อัตราการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ที่ระดับ 5.0%-5.5%

• ต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 0.6%-0.8%

• อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ระดับ 2.3%-2.6%

• อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (ของธนาคารทิสโก้) จะอยู่ที่ระดับ 17%-18%

• อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 3.4%-3.5%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ตลอดจนรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีรายได้และมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งต่อไปได้

?

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของกลุ่มทิสโก้ในการรักษาความแข็งแกร่งของเงินกองทุน รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และ/หรือเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงได้ อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ เงินกองทุน และ/หรือความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการในการจัดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์, 30 มีนาคม 2560

- Group Rating Methodology, 10 กรกฏาคม 2558

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ