ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร” ที่ “A+” หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 8, 2019 10:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ “A-”

อันดับเครดิตดังกล่าวยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ตลอดจนการมีฐานการผลิตในหลายประเทศ การมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย กลยุทธ์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ให้มีมากขึ้น รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากระดับหนี้สินของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และราคาธัญพืชซึ่งเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งความเสี่ยงจากโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของประเทศผู้นำเข้า

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ราคาสุกรในประเทศเวียดนามฟื้นตัว

ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปี 2561 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสุกรในประเทศเวียดนามหลังจากที่ตกต่ำเป็นอย่างมากในปี 2560 โดยราคาสุกรได้ฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 เนื่องจากภาวะอุปทานส่วนเกินในประเทศเวียดนามที่คลี่คลายลง

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้ราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้นและช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทระบุว่าราคาเฉลี่ยของสุกรในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยอยู่ที่ระดับ 43,309 ดองต่อกิโลกรัม (กก.) ส่งผลทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์บกในต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.8% ในปี 2561 จากระดับ 1.4% ในปี 2560

ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจสัตว์บกของบริษัทในประเทศไทยกลับมีผลขาดทุน โดยสาเหตุเนื่องมาจากอุปทานส่วนเกินที่ทำให้ราคาไก่ลดลงอย่างมาก บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์บกในประเทศอยู่ที่ระดับ -2.1% ในปี 2561 เทียบกับระดับ 1.9% ในปี 2560 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% ในปี 2561 จากระดับ 9.2% ในปี 2560

โดยภาพรวมแล้ว การปรับตัวที่ดีขึ้นของธุรกิจสัตว์บกในต่างประเทศช่วยชดเชยผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าของธุรกิจในประเทศ ทั้งนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.8% ในปี 2561 จากระดับ 6.2% ในปี 2560 ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายนั้นก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47,319 ล้านบาทในปี 2561 จากระดับ 35,564 ล้านบาทในปี 2560

กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในปี 2562 ด้วยสาเหตุจากหลากหลายปัจจัย ได้แก่ ราคาสุกรที่ปรับตัวดีขึ้น ความต้องการของไก่ในตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ค่อนข้างทรงตัว อย่างไร

ก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งความเสี่ยงจากโรคระบาดในสุกร ภายใต้สมมติฐานขั้นพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 576,000-654,000 ล้านบาทในปี 2562-2564 ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณปีละ 51,000-60,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน

ภาระหนี้จะยังคงอยู่ในระดับสูง

แผนการลงทุนจำนวนมากตลอดจนการซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 331,898 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 จาก 299,600 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 61.1% ณ สิ้นปี 2561 จากระดับ 57.8% ณ สิ้นปี 2560

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโต บริษัทได้วางแผนงบลงทุนไว้ที่จำนวน 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปีสำหรับการขยายงานโดยไม่รวมการซื้อกิจการ ในการนี้ บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนต่อไปตราบเท่าที่การซื้อกิจการหรือการลงทุนนั้นสอดคล้องกับธุรกิจหลักและสามารถสร้างผลกำไรที่เหมาะสม ภายใต้สมมติฐานขั้นพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับประมาณ 60% ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าแม้จะมีการลงทุนขยายกิจการจำนวนมากก็ตาม

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น

กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 3.4 เท่าในปี 2561 เทียบกับระดับ 2.6 เท่าในปี 2560 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ที่ระดับ 8.2% ในปี 2561 เพิ่มขึ้นจากระดับ 7.1% ในปี 2560 ณ เดือนธันวาคม 2561 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วเท่ากับ 331,898 ล้านบาท โดยที่ประมาณ 70% เป็นหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาว ส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนอยู่ที่ระดับประมาณ 1 เท่า

สภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2562 ประมาณ 27,000 ล้านบาท แหล่งที่มาหลัก ๆ ของเงินสดเพื่อรองรับการชำระหนี้จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นรวมประมาณ 33,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สถานะสภาพคล่องของบริษัทก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยจากการมีเงินลงทุนจำนวนมากในหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด กล่าวคือ บริษัทมีการลงทุนด้วยการถือหุ้นในสัดส่วน 34.2% ใน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย โดยมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวเมื่อคิดตามราคาตลาด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 แล้วจะอยู่ที่ระดับประมาณ 211,000 ล้านบาท

เป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของประเทศ โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในหลากหลายผลิตภัณฑ์ ซึ่งในกลุ่มอาหารสัตว์นั้น บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในแง่ของปริมาณการผลิตประมาณครึ่งหนึ่งในธุรกิจอาหารกุ้งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดคิดเป็น 1 ใน 3 ของตลาดอาหารสัตว์บก ส่วนในกลุ่มไก่และสุกรนั้น บริษัทมีปริมาณการผลิตไก่และสุกรคิดเป็นสัดส่วน 25% และ 18% ของประเทศตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทได้รับประโยชน์อย่างมากจากการประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

การกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

การกระจายตัวของฐานการผลิตและแหล่งที่มาของรายได้ในเชิงภูมิศาสตร์ช่วยลดความเสี่ยงในด้านการดำเนินงานให้แก่บริษัทได้บางส่วน ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีฐานการผลิตอยู่ใน 17 ประเทศซึ่งตั้งอยู่ใน 5 ทวีป ในปี 2561 รายได้รวมของบริษัทประมาณ 33% มาจากฐานการผลิตภายในประเทศและอีก 67% มาจากฐานการผลิตในต่างประเทศ กิจการในประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วน 26% ของรายได้รวม ตามมาด้วยรายได้จากกิจการในประเทศเวียดนามในสัดส่วน 15% แหล่งรายได้ที่มาจากประเทศหลักอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศไต้หวัน สหรัฐอเมริกา อินเดีย รัสเซีย ตุรกี และกัมพูชา ซึ่งในแต่ละประเทศคิดเป็นสัดส่วน 1%-4% ของรายได้รวมในปี 2561

ในด้านของการตลาดนั้น รายได้ของบริษัทมีการกระจายตัวในหลากหลายพื้นที่ ทั้งนี้ รายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศไทยมีสัดส่วนเพียง 28% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2561 รายได้จากการจำหน่ายสินค้าในทวีปเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโตในปัจจุบันนั้นมีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 58% ของรายได้รวมในปี 2561 ในขณะที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกามีรายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% และ 4% ของรายได้รวมตามลำดับ ทั้งนี้ ความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์จะค่อย ๆ ลดผลกระทบที่อาจเกิดจากโรคระบาดและการกีดกันทางการค้าลงได้ในระดับหนึ่ง

ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ก็ช่วยลดความผันผวนของกำไรของบริษัทได้ส่วนหนึ่งด้วย บริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าสัตว์บกและกุ้งที่ครบวงจร ผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วย อาหารสัตว์ เนื้อไก่ กุ้ง และสุกร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหาร ธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุดในปี 2561 คือธุรกิจอาหารสัตว์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 42% ของรายได้รวม ตามมาด้วยรายได้จากธุรกิจเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ ไก่ สุกร และกุ้ง (41%) และธุรกิจอาหาร (17%)

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 6%-7% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

• อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วงระหว่าง 13%-14% และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 8%

• อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ระดับ 8%-9%

• หากไม่รวมการซื้อกิจการ ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายทั้งในด้านของการดำเนินงาน สินค้า และตลาดก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรซึ่งมีลักษณะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคได้บางส่วนด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถทำให้โครงสร้างเงินทุนมีความแข็งแรงมากขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มกระแสเงินสดส่วนเกินสำหรับการชำระหนี้ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากบริษัทมีการซื้อกิจการโดยใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ หรือในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดไว้เป็นอย่างมาก

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 12 กันยายน 2561

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPF198A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
CPF198B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
CPF204A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,060 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
CPF20NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
CPF205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
CPF218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
CPF218B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
CPF225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPF228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPF235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPF237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,940 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPF244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,460 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPF257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPF277A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPF281A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,540 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPF28NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPF30NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPF314A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPF328A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPF41DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+
CPF418A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+
CPF17PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 15,000 ล้านบาท A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ