ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บล. เคจีไอ (ประเทศไทย)” เป็น “A” จาก “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 18, 2019 16:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A” จากเดิมที่ระดับ “A-” โดยการปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) กับ KGI Securities Co., Ltd. ในไต้หวัน (KGI Taiwan) ซึ่งเป็นตัวแทนของ KGI Group การปรับอันดับเครดิตของบริษัท พิจารณาจากการเป็นบริษัทในเครือที่มีความสำคัญปานกลางในเชิงกลยุทธ์ ดังนั้น อันดับเครดิตของบริษัทจึงได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเอง

ในส่วนอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทนั้น ทริสเรทติ้งยังคงมุมมองเหมือนเดิม โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลประกอบการที่ยังคงมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง จากแหล่งรายได้ที่มีการกระจายตัว อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่ผลประกอบการอาจมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีลักษณะค่อนข้างจะผันผวนและเป็นวัฏจักร รวมถึงแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทในเครือที่มีความสำคัญปานกลางในเชิงกลยุทธ์ของ KGI Group

อันดับเครดิตของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท เนื่องจากสถานะการเป็นบริษัทในเครือที่มีความสำคัญปานกลางในเชิงกลยุทธ์ของ KGI Group บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทที่ KGI Asia (Holdings) Pte. Ltd. ถือหุ้นในอัตราส่วน 34.97% ขณะที่ KGI Taiwan ถือหุ้นทั้งหมดใน KGI Asia (Holdings) Pte. Ltd. การดำเนินงานของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ถูกควบคุมผ่านคณะกรรมการของบริษัท โดย ณ เดือนพฤษภาคม 2562 คณะกรรมการของบริษัท 3 จาก 11 ท่านได้รับการแต่งตั้งจากทาง KGI Taiwan

บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจาก KGI Taiwan ทำให้บริษัทสามารถเป็นผู้นำในตลาดตราสารอนุพันธ์ในประเทศไทย ทริสเรทติ้งมองว่าการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จเป็นระยะเวลายาวนาน และการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอให้กับ KGI Group เป็นเหตุจูงใจให้ KGI Group จะยังคงสัดส่วนผู้ถือหุ้นในระดับนี้ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ดี แม้ว่าทริสเรทติ้งจะมองเห็นความสัมพันธ์ในด้านกลยุทธ์และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัท กับ KGI Taiwan และบริษัทในเครือ แต่ยังไม่มีหลักฐานการสนับสนุนทางด้านการเงินจากทางกลุ่ม

การกระจายตัวของรายได้ช่วยลดความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าโครงสร้างรายได้ของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) น่าจะยังคงกระจายตัวและได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากความผันผวน และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในปี 2561 โครงสร้างรายได้ของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 25.9% ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ 19.6% กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ 41.3% ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 4.7% และ อื่นๆ 8.5%

ทริสเรทติ้งเห็นว่ารายได้ของบริษัทมีการกระจายออกจากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนของรายได้จากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ต่อรายได้รวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 38.7% ทั้งนี้ ในปี 2561 รายได้ดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 25.9% ของรายได้รวมของบริษัท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 58.9%

รายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่สม่ำเสมอ

ทริสเรทติ้งคาดว่า บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะสามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าบริการในระดับที่สูงขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า การเติบโตของรายได้น่าจะมาจาก ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (ดำเนินงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (ONEAM)) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้น 99%) การขายกองทุนผ่านรูปแบบ Open Architecture และ ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management)

ทั้งนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าบริการคิดเป็น 18.0%-22.0% ของรายได้รวมของบริษัทในตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และคิดเป็น 19.6% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2561 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.1%

ธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่แข็งแกร่ง

บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ประกอบการไม่กี่ราย ที่ยังคงความสามารถในการทำกำไร แม้ว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์จะค่อย ๆ ลดลงหลังจากที่มีการเปิดเสรีค่านายหน้าก็ตาม ความแข็งแกร่งของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มาจากการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ KGI Group ในด้านผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้นำทั้งในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Thailand Futures Exchange – TFEX) และ ตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant – DW) ซึ่งแม้ว่าส่วนแบ่งตลาดธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะลดลงอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่อันดับที่ 13 ในด้านปริมาณซื้อขายในปี 2561 แต่บริษัทยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งด้านส่วนแบ่งตลาด TFEX ตั้งแต่ปี 2556 โดยมีส่วนแบ่งตลาดของ DW เป็นอันดับที่ 1 ในช่วงต้นปี 2562 ซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าทั้ง 2 ตลาดนี้มีศักยภาพที่ดี จากความต้องการบริการที่เติบโตขึ้นและมีการแข่งขันที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุน โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาด DW มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายครอบครองส่วนแบ่งการตลาด

มีผลงานเป็นที่ยอมรับในการทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าในระยะยาว บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะยังสามารถทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนทางธุรกิจจาก KGI Group ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ระบบการซื้อขาย ความรู้ความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ และการจัดการความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ซึ่งทำให้ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้เปรียบคู่แข่งในด้านนี้

บริษัทได้รับความช่วยเหลือด้านเทคนิคจาก KGI Group สำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (TFEX), สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้น (Single Stock Future) และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ความช่วยเหลือเหล่านี้ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของความช่วยเหลือ ได้แก่ โมเดลที่ใช้ในการหาราคา ระบบช่วยดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ และ ระบบและกลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ซึ่งระบบต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยจำกัดความเสี่ยงทางตลาดให้บริษัท นอกจากนี้ มีการปรับระดับความเสี่ยงในการขาดทุนที่รับได้สำหรับแต่ละหน่วยงานลงทุนตามสภาพตลาด ความสามารถในการทำกำไร และระดับความเสี่ยง โดยขนาดของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของบริษัทจะได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอโดยฝ่ายบริหารความเสี่ยง

พอร์ตการลงทุนของบริษัท ซึ่งคิดเป็น 35.4% ของสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2561 ประกอบไปด้วย ตราสารหนี้ ตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ โดยกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์มีสัดส่วนคิดเป็น 31.2% ของรายได้รวมโดยเฉลี่ยในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2561 สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 41.3% เนื่องมาจากส่วนแบ่งตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่เติบโตขึ้น

ความสามารถกำไรแข็งแกร่งจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่คงที่

ทริสเรทติ้งคาดว่า บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะคงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิในระดับที่ต่ำกว่า 50% ใน 3 ปีข้างหน้า โดยในปี 2561 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ 46.9% ลดลงจาก 50.5% ในปี 2560 และเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 64.6% อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2561 มาจากรายได้รวมที่สูงขึ้น จากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ที่แข็งแกร่ง โดยที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทมีผลกำไรที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นปี โดยบริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% ในปี 2561 สูงกว่า 5.7% ในปี 2560 และค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 2558

แหล่งเงินทุนหลากหลาย สภาพคล่องเพียงพอและฐานทุนแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งมองว่า บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีสภาพคล่องเพียงพอและมีความยืดหยุ่นทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ โดย ณ สิ้นปี 2561 อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับ 45.9% เนื่องจากพอร์ตเงินลงทุนส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินอีกหลายแห่งซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบันและแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าฐานเงินทุนของบริษัทจะยังเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคตและสามารถรองรับความเสี่ยงด้านตลาดและเครดิตจากการประกอบธุรกิจ โดยอัตราส่วน ส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับตัวเลขแล้วของบริษัทอยู่ในระดับ 40%-60% ใน 3 ปีที่ผ่านมา และ 58.7% ในปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 61.6% ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 91.2% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 สูงกว่าเกณฑ์ที่ทางการกำหนดไว้ที่ระดับ 7.0%

สมมติฐานกรณีพื้นฐานในปี 2562-2564

ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2562-2564 ดังนี้

• อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 0.06%-0.08%

• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิต่ำกว่า 50%

• อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยสูงกว่า 5.0%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาด ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งตราสารทุนและตราสารอนุพันธ์เอาไว้ได้ และยังคงฐานรายได้โดยขยายส่วนที่เป็นค่าธรรมเนียมและค่าบริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะคงรักษาการทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ โดยในขณะเดียวกันยังคงมีระบบบริหารความเสี่ยงที่เพียงพอ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัด ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากความสามารถในการทำกำไรของบริษัท หรือตำแหน่งทางการตลาดของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งตราสารทุนและตราสารอนุพันธ์อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือบริษัทขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ อันเนื่องมาจากนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่ขาดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของสถานะเครดิตของ KGI Group หรือความเห็นของทริสเรทติ้งในเรื่องระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนไป อาจมีผลต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (KGI)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KGI19NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
KGI20NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ