ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บง. ศรีสวัสดิ์” เป็น “BBB+” จาก “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 28, 2019 19:09 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB” การเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงฐานทุนที่แข็งแกร่งและอัตราการก่อหนี้ที่ลดลงของบริษัท รวมถึงสถานะทางการตลาดและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอยู่บนพื้นฐานที่บริษัทมีสถานะเป็นหน่วยปฏิบัติการหลัก ของกลุ่มบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความยืดหยุ่นทางการเงิน อันเนื่องมาจากสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทเงินทุนที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยการรับเงินฝากจากสาธารณะได้ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทก็มีข้อจำกัดจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดีและดำรงอัตราการก่อหนี้ที่ต่ำเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีฐานทุนที่แข็งแกร่งและอัตราการก่อหนี้ดีขึ้น

ฐานทุนของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากการปรับโครงสร้างทุน ซึ่งทำให้อัตราการก่อหนี้อยู่ในระดับที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ทริสเรทติ้งคาดว่าจะปรับตัวลดลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3 เท่า จากระดับ 6.9 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2562 ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2562 บริษัทได้ประกาศเพิ่มทุนโดยวิธีการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering -- RO) ซึ่งบริษัทแม่ คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นได้เพิ่มทุนตามสัดส่วนของตนเองทั้งหมด เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท จะส่งผลให้เงินกองทุนชั้นที่ 1 ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับเกือบ 50% ภายในเดือนมิถุนายน 2562 และสัดส่วนการถือหุ้นโดยบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 78% จากเดิมที่ 45% ในช่วงที่ผ่านมา

การปรับโครงสร้างทุนและการมีกำไรที่สะสมอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาฐานทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อไปได้ในระหว่างปี 2562-2564 โดยฐานทุนที่แข็งแกร่งนี้ทำให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อและรองรับความเสี่ยงในด้านลบจากหนี้สูญที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ความสามารถในการทำไรยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในระหว่างปี 2562-2564 หลังจากที่ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นอย่างมากของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจการให้กู้ยืมของกลุ่ม โดยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา สัญญาเงินกู้ที่มีพาหนะเป็นหลักประกันและสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันที่มียอดการอนุมัติน้อยกว่า 10 ล้านบาทจะให้บริษัทเป็นคู่สัญญา

ผลจากการปรับโครงสร้างของกลุ่มทำให้สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้น 8,799 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 94% ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1,637 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 266% ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 142 ล้านบาท มาอยู่ที่ 377 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61% ในปี 2561 อันเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากค่าธรรมเนียมในการให้บริการในกระบวนการสินเชื่อที่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเรียกเก็บจากบริษัท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงนั้นยังคงส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 51 ล้านบาท หรือคิดเป็นการปรับลดลง 51% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทจะดำรงอยู่ที่ระดับประมาณ 2% ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ความยืดหยุ่นทางการเงิน

การที่บริษัทมีความสามารถรับฝากเงินจากสาธารณะได้อันเนื่องมาจากการมีสถานะเป็นบริษัทเงินทุนนั้นช่วยทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิต ทั้งนี้ นอกเหนือจากเงินทุนที่ได้จากการรับฝากเงินแล้ว บริษัทยังสามารถกู้ยืมเงินจากบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น เพื่อใช้ในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2562 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินรับฝากจำนวน 7,237 ล้านบาทและการกู้ยืมจากบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำนวน 8,500 ล้านบาท

?

การอ่อนแอชั่วคราวของคุณภาพสินทรัพย์

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลต่ออันดับเครดิตหากคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแย่ลงต่อไป ถึงแม้ว่าคุณภาพสินทรัพย์จะมีการปรับปรุงดีขึ้นจากในอดีตซึ่งอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ระดับ 3.8% ณ สิ้นปี 2561 จาก 17.8% ณ สิ้นปี 2559 แต่อัตราส่วนดังกล่าวก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5.2% ณ เดือนมีนาคม 2562 โดยเป็นผลมาจากการจัดชั้นหนี้ใหม่ตามคำแนะนำของหน่วยงานกำกับดูแลซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าคุณภาพสินเชื่อของบริษัทจะไม่ด้อยลงจากระดับในปัจจุบันในอีก 36 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• พอร์ตสินเชื่อจะเติบโต 10%-30% ระหว่างปี 2562-2564

• อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคาดว่าจะรักษาระดับต่ำกว่า 3 เท่า ในระหว่างปี 2562-2564

• อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 2% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดีและดำรงอัตราการก่อหนี้ที่ต่ำเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

แนวโน้มในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังมีจำกัดในระยะสั้น ในขณะที่อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงในกรณีที่คุณภาพสินทรัพย์และสถานะในการแข่งขันของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรืออัตราการก่อหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 6.5 เท่า

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) (BFIT)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ