ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. อาปิโก ไฮเทค” ที่ “BBB+” และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น “Stable” จาก “Positive”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 22, 2019 16:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก” ด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนการเพิ่มขึ้นของระดับการก่อหนี้จากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมแก่ Sakthi Global Auto Holdings Ltd. (SGAH) เมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทได้ให้เงินจำนวน 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,100 ล้านบาท เพื่อที่จะฟื้นฟู SGAH ที่มีผลการดำเนินงานที่ยากลำบาก บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจำนวนมากพอควรจากการลงทุนใน SGAH ในปี 2561 และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในกลุ่ม Tier 1 ในประเทศไทย ผลการดำเนินงานหลักที่แข็งแรง และความระมัดระวังในการควบคุมต้นทุน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากอัตรากำไรที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้า ตลอดจนลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ อนึ่ง การลงทุนใหม่กับคู่ค้าต่างประเทศถือเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่สำหรับบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานภาพในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์

บริษัทมีสถานภาพที่แข็งแกร่งในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โดยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทประมาณ 60%-70% ของรายได้ทั้งหมดในแต่ละปี รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2559 แม้อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศมีอัตราการเติบโตเพียงเล็กน้อย ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เอาไว้ได้

ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทสั่งสมมาจากประวัติการดำเนินงานที่มีมาอย่างยาวนานในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อป้อนให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ รายโดยที่บริษัทไม่เคยมีประวัติในการสูญเสียคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ การดำเนินงานของบริษัทที่ไว้ใจได้ประกอบกับความน่าเชื่อถือของบริษัทก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทและผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ เช่น บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (อีซูซุ) บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (ออโต้อัลลายแอนซ์) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างฟอร์ดและมาสด้า และ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (นิสสัน) ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนตัวผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักเนื่องจากมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะแต่เพียงรายเดียวของอีซูซุในประเทศไทย โดยอีซูซุถือเป็นลูกค้าหลักที่สร้างรายได้ให้ประมาณ 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงได้รับคำสั่งผลิตอย่างต่อเนื่องจากอีซูซุซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนสำหรับโมเดลรถใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2562 โดยชิ้นส่วนสำหรับโมเดลรถใหม่นี้จะช่วยประกันรายได้ให้แก่บริษัทในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า

การขยายไปต่างประเทศช่วยให้เติบโต แต่ก็สร้างความท้าทาย

บริษัทมีการลงทุนใหญ่ในต่างประเทศจำนวน 2 แห่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ SGAH และการร่วมลงทุนกับ VINFAST Trading & Production LLC (VINFAST) ทั้งนี้ SGAH มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศสหรัฐฯ อินเดีย โปรตุเกส และจีน ขณะที่ VINFAST ดำเนินงานอยู่ในประเทศเวียดนาม

ทริสเรทติ้งเชื่อว่ากลยุทธ์ของบริษัทในการขยายธุรกิจนอกประเทศไทยจะช่วยลดข้อจำกัดของโอกาสในการเติบโตได้ อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวจะนำมาซึ่งความท้าทายด้วยเช่นกัน ความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิต แต่ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจได้รับผลลบหากทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของบริษัทเกิดความเสียหาย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ SGAH มีผลการดำเนินงานที่ยากลำบากจากปัญหาการผลิตในประเทศสหรัฐฯ โดย SGAH รายงานผลขาดทุนกว่า 821 ล้านบาทในปี 2561 และ 320 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทได้รับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนตามวิธีส่วนได้สูญเสียจำนวน 411 ล้านบาทในปี 2561 และ 160 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าวได้ลดทอนผลตอบแทนจากการลงทุนในภาพรวมของบริษัทและกำไรสุทธิบนงบการเงินรวมด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการดำเนินงานของ SGAH จะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยกำลังการผลิตของ SGAH เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมในช่วงปลายปีที่แล้ว

บริษัทลงทุนอยู่ใน SGAH จำนวนทั้งสิ้น 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 5,544 ล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2560 โดยเงินลงทุนใน SGAH เพิ่มขึ้นจนปัจจุบันคิดเป็นเกือบ 30% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท การลงทุนขนาดใหญ่ดังกล่าวประกอบไปด้วยหุ้นจำนวน 49.99% (75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และเงินกู้ระยะเวลา 3 ปี (40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) บริษัทอาจมีบทบาทมากขึ้นใน SGAH ในความเห็นของทริสเรทติ้ง โดย SGAH ไม่น่าจะสามารถชำระคืนเงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ให้แก่บริษัทในเดือนมีนาคม 2563 ได้เมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ ส่งผลให้ บริษัทอาจยังต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ SGAH ต่อไป

การลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งของบริษัทได้แก่การร่วมลงทุนกับ VINFAST ในกิจการร่วมค้า โดยกิจการร่วมค้าจะผลิตชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์สำหรับรถยนต์ 2 รุ่นแรกของ VINFAST ซึ่งน่าจะออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่ากิจการร่วมค้าดังกล่าวจะรายงานผลขาดทุนเล็กน้อยในปี 2562 และผลกำไรในปี 2563 ความสำเร็จของกิจการร่วมค้าดังกล่าวยังจำเป็นต้องรอการพิสูจน์เนื่องจากทั้งบริษัทและ VINFAST ถือว่าเป็นบริษัทใหม่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ นอกจากกำไร/ขาดทุนอันเนื่องมาจากการร่วมลงทุนดังกล่าว บริษัทยังได้คำสั่งผลิตอุปกรณ์จับยึดและแม่พิมพ์มูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาทจาก VINFAST อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้แก่บริษัทในปี 2562

ผลการดำเนินงานหลักจะยังคงปรับตัวดีขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้และกำไรจาการดำเนินงานหลักของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยคำสั่งผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะสำหรับอีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่และคำสั่งผลิตอุปกรณ์จับยึดและแม่พิมพ์สำหรับรถยนต์ของ VINFAST จะหนุนการเติบโตในปี 2562 และ 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 19,500 ล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าจาก 17,370 ล้านบาทในปี 2561

ถึงแม้ว่าอัตรากำไรของบริษัทจะค่อนข้างต่ำ แต่ความสามารถของบริษัทในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการผลักภาระต้นทุนวัตถุดิบไปให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์จะช่วยรักษาอัตรากำไรให้มั่นคงและคาดการณ์ได้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากความพยายามในการดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในอนาคต กำไรจากการดำเนินงานน่าจะยังเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนใน SGAH อาจกดดันกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 8%-11% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยอยู่ในระดับต่ำ กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในช่วง 1,900-2,800 ล้านบาทต่อปี ส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานน่าจะอยู่ในช่วง 1,500-2,200 ล้านบาทต่อปี

ระดับการก่อหนี้จะเพิ่มขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 44% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 จากระดับต่ำกว่า 40% ในอดีต ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากการเข้าลงทุนใน SGAH ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินประมาณ 1,700 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในปี 2562 และ 500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563 และ 2564 การลงทุนขนาดใหญ่พอประมาณในปี 2562 สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ SGAH เพิ่มเติม ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนน่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป ทั้งนี้ แม้จะเพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนน่าจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 3 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 20%

สภาพคล่องน่าจะบริหารจัดการได้

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี บริษัทมีหนี้ประมาณ 1,800 ล้านบาทที่จะครบกำหนดในอีก 9 เดือนที่เหลือของปี 2562 โดยในจำนวนนี้เป็นหนี้ระยะสั้นที่ใช้รองรับเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 620 ล้านบาท หนี้ระยะยาวประมาณ 900 ล้านบาท และหุ้นกู้อีกประมาณ 300 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดประมาณ 580 ล้านบาท เงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี 2562 น่าจะอยู่ที่เกือบ 1,700 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีสินทรัพย์สภาพคล่องและเงินสดจากการดำเนินงานรวมกันทั้งสิ้น 2,280 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนด บริษัทยังมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกเกือบ 3,700 ล้านบาทสำหรับใช้เป็นแหล่งเงินสดอีกแหล่งหนึ่งอีกด้วย อนึ่ง บริษัทไม่มีภาระขนาดใหญ่ที่ชำระเพียงครั้งเดียวในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ข้อกำหนดหุ้นกู้ที่สำคัญระบุให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินรวมสุทธิต่อส่วนทุนไว้ที่ไม่เกิน 2 เท่า ซึ่ง ณ เดือนมีนาคม 2562 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.2 เท่า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานพื้นฐาน

• รายได้จากการดำเนินงานรวมจะอยู่ในช่วง 18,000-19,500 ล้านบาทต่อปี

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ในช่วง 8%-11%

• เงินลงทุนรวมต่อปีจะอยู่ที่ 1,700 ล้านบาทในปี 2562 และลดลงเป็น 500 ล้านบาทในปี 2563 และ 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักเอาไว้ได้ ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานหลักจะเพิ่มขึ้นต่อไป นอกจากนั้น ผลการดำเนินงานของ SGAH จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตค่อนข้างจำกัด แต่อาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือ หากการลงทุนในต่างประเทศประสบความสำเร็จ

ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากการลงทุนในต่างประเทศทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทด้อยลง หรือหากอัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงต่ำกว่า 5% หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนสูงกว่า 50% เป็นระยะเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) (AH)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ