ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 5, 2019 17:05 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement – PPA) ระยะยาวภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากสัดส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ส่วนที่จะครบกำหนดในปี 2562 และการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งมีผู้ถือหุ้นสูงสุดรายเดียวกันกับของบริษัทนั้นมีอิทธิพลต่ออันดับเครดิตของบริษัท เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวช่วยให้มีรายได้มั่นคง

รายได้ของบริษัทประมาณ 80%-90% มาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยรายได้ในส่วนนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. รวม 304 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 21 ปีถึง 25 ปี หรือคิดเป็น 42% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังขายไฟฟ้าจำนวน 167.6 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ให้แก่บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 1 ปีถึง 19 ปีอีกด้วย ในขณะที่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำในสัดส่วนที่เหลือ

ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. บริษัทจะได้รับการจ่ายค่าพลังไฟฟ้า (Capacity Payment -- CP) และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment -- EP) จาก กฟผ. โดยค่าพลังไฟฟ้าจะสะท้อนส่วนเงินลงทุนและปรับตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนค่าพลังงานไฟฟ้านั้นจะสะท้อนค่าใช้จ่ายผันแปรในการผลิตไฟฟ้า ในการนี้ กฟผ. จะซื้อไฟฟ้าจากบริษัทในอัตราขั้นต่ำที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้ารายอื่นก็มีปริมาณการสั่งซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจากบริษัทด้วยเช่นกัน

ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น

ผลการดำเนินงานของบริษัทโดยรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 หลังจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าของบริษัทมีระดับความพร้อมจ่ายดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 87%-88% ในช่วงปี 2561 จนถึง 3 เดือนแรกของปี 2562 ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินลดลงเหลือประมาณ 2.0%-2.5% ซึ่งดีกว่าผลการดำเนินงานในช่วงปี 2559-2560 เมื่อโรงไฟฟ้าของบริษัทหลายโรงประสบปัญหาทางเทคนิคจนกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

การดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพประกอบไปด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่เพื่อใช้ในการควบคุมระบบการดำเนินงานโรงไฟฟ้า การรวมศูนย์การดำเนินงาน การซ่อมบำรุง และการรับเชื้อเพลิง โดยซอฟต์แวร์ใหม่ช่วยปรับปรุงด้านความมั่นคงของโรงไฟฟ้า ในขณะที่การบริหารงานแบบรวมศูนย์ช่วยลดขั้นตอนในการตัดสินใจ รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และประสบการณ์จากโรงไฟฟ้าแต่ละโรง และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อการบำรุงรักษาที่คาดการณ์ได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงประมาณการ โดยคาดว่าระดับความพร้อมจ่ายจะสูงเกินกว่า 85% ตามประวัติการดำเนินงานในปีปกติที่ผ่านมาของบริษัท

อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทเพิ่มเป็น 33.3% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 จากประมาณ 19% ในปี 2559 และปี 2560 ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นประกอบกับส่วนต่างกำไรที่มากขึ้น ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรอยู่ในช่วง 20%-25% ในระหว่างปี 2562-2564

ส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าและราคาเชื้อเพลิงมีผลต่ออัตรากำไร

อัตรากำไรของบริษัทได้รับผลกระทบจากส่วนต่างระหว่างราคาขายไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิต ประมาณ 43% ของพลังงานที่ผลิตได้นั้นเป็นไฟฟ้าที่ขายให้ กฟผ. ในขณะที่อีก 47% เป็นไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ค่าไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาถ่านหิน ราคาก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเตา ในขณะที่ราคาไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งรวมถึงดั๊บเบิ้ลเอ (1991) จะอ้างอิงถึงค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียกเก็บจากลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนราคาไอน้ำที่จำหน่ายนั้นจะกำหนดราคาโดยอ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน โรงไฟฟ้าของบริษัทใช้ถ่านหิน น้ำมันยางดำ และเชื้อ

ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยน้ำมันยางดำและเชื้อเพลิงชีวมวลบางส่วนมีสัญญากับดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ซึ่งกำหนดราคาอ้างอิงตามราคาก๊าซธรรมชาติ

อัตรากำไรของบริษัทมีแนวโน้มจะสูงขึ้นถ้าราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันเตา และ ค่าไฟฟ้าผันแปร (หรือค่า Ft) เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาเชื้อเพลิงชีวมวลอยู่ในระดับคงที่หรือลดลง และในทางกลับกันอัตรากำไรจะอ่อนแอลงเมื่อราคาเชื้อเพลิงอ้างอิงลดลง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2558-2560 บริษัทมีกลยุทธ์เพื่อจะทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพผ่านการบริหารจัดการเชื้อเพลิง เช่น การจัดหาถ่านหินในตลาดในประเทศ การจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลและน้ำมันยางดำผ่านดั๊บเบิ้ลเอ (1991) การจัดหาไม้สับรอบโรงไฟฟ้า และการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลประเภทใหม่ เพื่อลดการแข่งขันในการซื้อเชื้อเพลิงกับโรงไฟฟ้าอื่น

ธุรกิจเอทานอลคาดว่าจะพลิกฟื้น

ในปี 2561 ธุรกิจเอทานอลของบริษัทมีผลขาดทุน 318 ล้านบาทเนื่องจากราคามันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต

เอทานอลนั้นเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงได้ลดการผลิตลงและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้มันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิต การปรับปรุงดังกล่าวแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 บริษัทใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 31% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 จาก 17% ในปี 2561 อัตราการใช้กำลังการผลิตนี้คาดว่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและคาดว่าธุรกิจเอทานอลของบริษัทจะพลิกฟื้นกลับมาได้ในช่วงปี 2562-2563

ได้รับเงินมัดจำซื้อที่ดินคืน

ในปี 2550 บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลัก ในช่วงปี 2551 ถึง 2553 และปี 2557 บริษัทได้เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจำนวน 2 สัญญากับบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว โดยบริษัทได้วางเงินมัดจำเป็นจำนวน 1,768 ล้านบาทสำหรับ 2 สัญญาดังกล่าว การพัฒนาโครงการมีความล่าช้าเนื่องจากกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment: EHIA) อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) โดยอนุญาตให้บริษัทสามารถเปลี่ยนเชื้อเพลิงหลักจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติได้สำหรับโรงไฟฟ้า IPP ของบริษัทที่ได้รับคัดเลือกเมื่อปี 2550

เนื่องจากการเปลี่ยนประเภทเชื้อเพลิงทำให้ความจำเป็นในการใช้พื้นที่น้อยลง ในเดือนมิถุนายน 2562 บริษัทได้ตัดสินใจซื้อที่ดินบางส่วนจากสัญญาแรกและคืนที่ดินส่วนที่เหลือเพื่อขอรับเงินมัดจำคืน โดยบริษัทได้จ่ายเงินค่าที่ดินจำนวน 146 ล้านบาทและรับเงินค่ามัดจำคืนจำนวน 1,131 ล้านบาท ที่ดินแปลงนี้ได้รับการประเมินราคาที่ 173 ล้านบาท ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2562

เพื่อการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต บริษัทจึงได้ซื้อที่ดินภายใต้สัญญาที่ 2 มูลค่า 616 ล้านบาทด้วย โดยที่ดินแปลงนี้ได้รับการประเมินราคาที่ 616 ล้านบาท ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2562

มีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง

บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดลงเหลือจำนวน 18,466 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 จากระดับสูงสุดที่ 21,798 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 แม้ว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดลง 15.2% แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 66.78% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงปี 2562-2564 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในช่วง 60%-70% ในระหว่างปี 2562-2564

มีแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนด

ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ 2,500-3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนตุลาคม 2562 ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดนี้ด้วยการกู้เงินจากธนาคาร รวมทั้งออกหุ้นกู้ใหม่ ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักออกไป และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารหลักของบริษัท ซึ่งบริษัทคาดว่าเงินกู้ใหม่นี้จะได้รับการอนุมัติในเดือนสิงหาคม 2562 ในขณะที่การขายสินทรัพย์นั้นก็ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าและเจรจากับผู้ซื้ออยู่

อันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) มีอิทธิพลต่ออันดับเครดิตของบริษัท

บริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) (ได้รับการจัดอันดับเครดิต “BBB-/Stable” จากทริสเรทติ้ง) ถือหุ้น 25.5% ในบริษัท โดยที่ทั้งบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) และบริษัทต่างก็มีผู้ถือหุ้นสูงสุดรายเดียวกัน อันดับเครดิตของบริษัทได้รับอิทธิพลจากอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างบริษัททั้งสองผ่านผู้ถือหุ้นสูงสุด ทั้งนี้ คุณโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องถือหุ้น 90% ในบริษัทและถือหุ้น 98.9% ในบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991)

การประเมินอันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงระดับความเกี่ยวข้องกันระหว่างบริษัทกับบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) ด้วย โดยบริษัทดั๊บเบิ้ลเอ (1991) เป็นผู้ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำ 23% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลจากกระบวนการผลิตกระดาษ ประกอบด้วยน้ำมันยางดำ 20% และเปลือกไม้ประมาณ 10% ของความต้องการเชื้อเพลิงทั้งหมด

?

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง

• ระดับความพร้อมจ่ายโรงไฟฟ้าของบริษัทคาดว่าจะสูงกว่า 85% ในช่วงระหว่างปี 2562-2564

• กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 4,000-4,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2562-2564

• ค่าใช้จ่ายลงทุนโดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2562-2564

• อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 4-5 เท่าในช่วงปี 2562-2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทและสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนได้หลังจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโรงไฟฟ้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

ความมีเสถียรภาพในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้าม ปัจจัยลบที่มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงหรือโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับอิทธิผลจากอันดับเครดิตของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ด้วย

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB-
NPS209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,013.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB-
NPS218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ