ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค” ที่ “BB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 14, 2019 15:20 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอและช่องทางการจัดจำหน่ายที่มั่นคงของบริษัทในตลาดผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเมียนมาที่ลดลงด้วยเนื่องจากโครงการระยะแรกจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2562 นี้

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้ทางการเงินที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาและโครงการใหม่อื่น ๆ ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตยังลดทอนลงจากความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงจากการเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมาเมื่อพิจารณาทั้งในส่วนของความเสี่ยงของประเทศและความเสี่ยงของคู่สัญญา

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ขีดความสามารถในการแข่งขันมีความแข็งแกร่งเพียงพอ

สถานะทางธุรกิจของบริษัทสะท้อนถึงการเป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ขนาดกลางในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากแผ่นปาร์ติเคิลและไม้ยางพาราซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65%-70% และ 12%-15% ของรายได้รวมตามลำดับ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมีความแตกต่างค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง โดยประมาณ 50%-60% ของยอดขายเฟอร์นิเจอร์เป็นสินค้าชนิดที่ถอดประกอบได้ (Knockdown) ทั่วไปและจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าของลูกค้า ทั้งนี้ สินค้าของบริษัทมุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาดระดับกลางถึงล่างซึ่งทำให้บริษัทมีกำไรจากราคาขายที่ค่อนข้างจำกัด

ช่องทางการจัดจำหน่ายที่มั่นคง

ช่องทางการจัดจำหน่ายที่มั่นคงของบริษัทซึ่งผ่านผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสมัยใหม่ชั้นนำยังคงเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัท โดยการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศไทยนั้นมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 80%-90% ของยอดขายเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้ การเติบโตของความต้องการซื้อจากร้านค้าปลีกเหล่านี้มีส่วนช่วยให้รายได้ของบริษัทยังคงเติบโตถึงแม้ว่าความต้องการในประเทศไทยกำลังหดตัวลงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการแข่งขันด้านราคาเนื่องจากบริษัทไม่มีสัญญาซื้อขายระยะยาวกับลูกค้าเหล่านี้ ดังนั้น บริษัทจึงอาจถูกแทนที่ด้วยผู้ผลิตจากต่างประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าได้

ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศเมียนมา

ความเสี่ยงจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้ามินบู (Minbu) ลดลงไปในระดับหนึ่งเนื่องจากบริษัทได้รับใบอนุญาตและสัญญาที่สำคัญเกือบทั้งหมดแล้วจากทางการเมียนมา การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าระยะแรกซึ่งมีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2562 นี้ อย่างไรก็ตาม ความพร้อมของระบบโครงข่ายไฟฟ้าในบริเวณพื้นที่ของโครงการ ตลอดจนความสำเร็จในการเชื่อมต่อกับระบบดังกล่าว และความเสี่ยงจากการชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้านั้นยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ยังคงต้องคอยติดตามผลต่อไป

สำหรับโครงการระยะที่เหลืออีก 170 เมกะวัตต์นั้น ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการพัฒนาน่าจะใช้ระยะเวลาสั้นลงเนื่องจากมีการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งก่อสร้างที่สำคัญในพื้นที่ของโครงการเรียบร้อยแล้ว การก่อสร้างส่วนที่เหลือของโครงการคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2.5-3 ปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีขนาดใหญ่ ทริสเรทติ้งจึงมองว่าบริษัทยังจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนหรือออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงการในส่วนที่เหลือ

ผลกำไรจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตขึ้น

ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทจากโรงไฟฟ้าต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในระยะปานกลางจากการเริ่มดำเนินโครงการมินบูซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 เมกะวัตต์ในประเทศเมียนมา โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทได้เคยลงทุนมา ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเมื่อโครงการมินบูทุกระยะดำเนินงานได้เป็นระยะเวลาเต็มปี ส่วนแบ่งผลกำไรที่บริษัทจะได้รับก็คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อปีในปี 2566 เป็นต้นไป

EBITDA ยังอยู่ในระดับเดิม

ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ถึงแม้ว่าผลกำไรจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลงเหลือ 246 ล้านบาทในปี 2561 จาก 253 ล้านบาทในปี 2560 คิดเป็นสัดส่วนที่ลดลง 2.7% ในขณะเดียวกัน เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทก็ลดลงเหลือ 129 ล้านบาทจาก 160 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ลดลง 20% การลดลงอย่างมากของ เงินทุนจากการดำเนินงานนั้นเกิดจากต้นทุนการออกหุ้นกู้และภาระการจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามยอดเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ทั้งนี้ อัตราของEBITDAบริษัทลดลงเหลือ 16.3% ในปี 2561 แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ 15.9%

หากมองไปในอนาคตข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทอาจลดลงเล็กน้อยในปี 2562 เนื่องจากผลกระทบจากความต้องการที่ชะลอตัวจากตลาดในประเทศญี่ปุ่นและแผนการที่บริษัทจะปิดห้องแสดงสินค้าที่ขาดทุนทั้งหมดของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งก็คาดว่ารายได้ที่หดตัวนี้จะน่าจะได้รับการชดเชยด้วยอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากมาตรการลดต้นทุนของบริษัทที่ดำเนินการในปีนี้ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์และการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) บนหลังคาโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า EBITDA ของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ระหว่าง 210 ถึง 240 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่งสอดคล้องกับผลการดำเนินงานในอดีต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระการจ่ายดอกเบี้ยของบริษัทนั้นจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะใช้เงินกู้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนในระยะที่เหลือของโครงการมินบู ดังนั้น เงินทุนจากการดำเนินงานจึงน่าจะมีแนวโน้มลดลงและอยู่ที่ประมาณ 100-120 ล้านบาทต่อปี

สถานะทางการเงินที่ยังอ่อนแอ

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลงในอีก 3 ปีข้างหน้าแต่ในอัตราที่ช้ากว่าที่ทริสเรทติ้งเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการเลื่อนการลงทุนในโรงงานผลิตแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (Medium Density Fiber -- MDF) ซึ่งมีมูลค่า 1.45 พันล้านบาท การเลื่อนการลงทุนนี้เป็นผลมาจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ MDF และความไม่แน่นอนของราคาไม้ยางพาราในภาคใต้ของประเทศไทย

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลางตามแผนการลงทุนในโครงการมินบูและการลงทุนอื่น ๆในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะลดลงเหลือ 5%-6% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

มีความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์

บริษัทมีความเสี่ยงในการกู้เงินเพื่อใช้ชำระหนี้เงินกู้เดิมหรือรีไฟแนนซ์เนื่องจากบริษัทจะมีหุ้นกู้มูลค่าสูงจำนวน 700 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคม 2563 ทั้งนี้ ภาระในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้นั้นมีมูลค่าสูงกว่า EBITDA ที่บริษัททำได้ต่อปีอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นจะต้องแสวงหาการรีไฟแนนซ์เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการชำระคืนหนี้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทจะลดลงเล็กน้อยในปี 2562 ก่อนที่จะเติบโตที่ระดับ 1%-2% ต่อปีในช่วงปี 2563-2564

• อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ในช่วงระหว่าง 15%-17%

• ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทในปี 2562 หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบาทในปี 2564

• อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 50%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทจะยังคงเติบโตต่อไปได้อย่างช้า ๆ และบริษัทจะยังคงรักษาอัตราการทำกำไรให้อยู่ในระดับเดียวกับที่เคยทำได้ในอดีต ในขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายสมัยใหม่ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยจะยังคงเป็นช่องทางหลักของบริษัทต่อไป โดยที่ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้านั้นน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัดในระยะปานกลางเนื่องจากโครงสร้างหนี้สินของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถขยายฐานของกระแสเงินสดได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังคงรักษาโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

อันดับเครดิตอาจลดลงหากผลการดำเนินงานของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญเป็นระยะเวลานาน หรือหากบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างมากจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ลงทุนไป ในขณะที่การลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมากจนทำให้อัตราหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนสูงขึ้นเป็นระยะเวลานานก็อาจจะส่งผลลบต่ออันดับเครดิตได้เช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
?
บริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ