ทริสเรทติ้งคง “Negative” CreditAlert องค์กร & ตราสารหนี้ “บ. ราชธานีลิสซิ่ง”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 15, 2019 15:55 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคง “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าจะสามารถทบทวนเครดิตพินิจของบริษัทได้อีกครั้งเมื่อธุรกรรมการรวมกิจการระหว่าง ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นลง หรือเมื่อมีข้อมูลเพียงพอที่ทริสเรทติ้งจะทำการวิเคราะห์และหาข้อสรุปในเชิงลึกสำหรับอันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทได้

ในการพิจารณาอันดับเครดิตนั้น ทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือธนาคารธนชาตด้วย ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมั่นคง อีกทั้งยังสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับที่ยอมรับได้อันเป็นผลมาจากการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการจัดเก็บหนี้และระบบบริหารความเสี่ยงที่ต่อเนื่องด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากประเด็นกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรงและการที่บริษัทมีการกระจุกตัวในภาคส่วนธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมากคือสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของบริษัท

เครดิตพินิจ (CreditAlert)

ทริสเรทติ้งได้ออกประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ให้แก่อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาต บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ING Groep N.V. (ING) และ The Bank of Nova Scotia (BNS) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อดำเนินการรวมกิจระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต

เครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงความเห็นของทริสเรทติ้งว่าอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหรือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับในปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากการมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับธนาคารธนชาตซึ่งปัจจุบันเป็นธนาคารแม่ที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทอีกต่อไปเมื่อมีการรวมกิจการของธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยไปเป็นธนาคารแห่งใหม่ และ/หรือหากบริษัทกลายไปเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัททุนธนชาต ในการนี้ อันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการทางการเงินและสถานะของบริษัทเองเป็นหลัก และ/หรือขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีกับบริษัททุนธนชาต ซึ่งปัจจุบันอันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตก็อยู่ภายใต้การประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ด้วยเช่นเดียวกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การสนับสนุนจากบริษัทแม่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือธนาคารธนชาตอาจจะเปลี่ยนแปลงไปภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าอันดับเครดิตของบริษัทมีปัจจัยเสริมจากการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารธนชาตซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท การเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารธนชาตทำให้ทริสเรทติ้งลดความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทลงไป โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารธนชาตสามารถให้แก่บริษัทนั้นมีมากพอที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจและสภาพคล่องของบริษัทได้ ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 5.8 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2562 ในส่วนของการสนับสนุนทางด้านธุรกิจนั้น ธนาคารธนชาตได้ให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในการพัฒนากระบวนการอนุมัติสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ในขณะที่บริษัทเองก็มีการนำนโยบายการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของธนาคารธนชาตด้วย

ธุรกิจเติบโตในระดับปานกลาง

สถานะทางการตลาดของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องดังจะเห็นได้จากพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตในระดับที่ค่อนข้างดี โดยในปี 2561 บริษัทมีสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 20.4% จากสิ้นปีก่อนหน้า เป็น 4.85 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนสำคัญมาจากธุรกิจหลักคือสินเชื่อรถบรรทุกซึ่งเป็นสินเชื่อที่บริษัทมีประสบการณ์และความชำนาญ ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2562 สินเชื่อสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์คิดเป็นสัดส่วน 70% ของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรวมของบริษัท ในขณะที่สินเชื่อที่เหลือเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ซึ่งคิดเป็น 30% ของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรวม อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทจะชะลอตัวลงจากการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอโดยสะท้อนจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ที่ชะลอตัวลงเหลือ 5.3% จากสิ้นปี 2561 ปัจจัยดังกล่าวทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทจะเติบโตที่ระดับประมาณ 3%-12% ต่อปีในระหว่างปี 2562-2564

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลงอาจส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร

บริษัทมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวและค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงทั้งที่อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อมีแนวโน้มลดลง ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 24% จากปี 2557 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ในปี 2561 จาก 3.1% ในปี 2560 สำหรับครึ่งแรกของปี 2562 นั้น บริษัทมีกำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 โดยบริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในระยะปานกลาง อัตราส่วนผลตอบแทนของสินเชื่อที่ลดลงประกอบกับความเป็นไปได้ที่ต้นทุนทางการเงินที่อาจปรับตัวสูงขึ้นภายหลังการปรับโครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ก็อาจเป็นปัจจัยท้าทายความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3.5%-3.9% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่งเกิดจากการที่บริษัทมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงมากยิ่งขึ้น เช่น รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์มือสอง เป็นต้น ทั้งนี้ ประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญของบริษัทจะอยู่ในช่วงประมาณ 0.6%-0.7% ของสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายจะรักษาระดับมากกว่า 4.0% จนถึงปี 2564

คุณภาพสินทรัพย์และการตั้งสำรองยังคงอยู่ในระดับที่รับได้

ทริสเรทติ้งมองว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้กลุ่มลูกค้าจะมีสถานะทางการเงินที่ค่อนข้างอ่อนไหวก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องมาจากเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อและกระบวนการติดตามหนี้ที่เข้มงวดของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ในช่วงระหว่างปี 2562-2564 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทค่อย ๆ ปรับลดลงมาตั้งแต่ปี 2558 โดยปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ณ สิ้นปี 2561 จาก 4.1% ณ สิ้นปี 2560 เนื่องจากการตัดหนี้สูญและการปรับโครงสร้างหนี้ในสินเชื่อบางกลุ่ม ถึงแม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9% ณ เดือนมิถุนายน 2562 จากสถานะของลูกค้าในกลุ่มรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่อ่อนแอลง แต่ทริสเรทติ้งก็ยังคงคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาคุณภาพของสินทรัพย์เอาไว้ได้จากการคัดกรองลูกค้าที่เข้มงวดและกระบวนการติดตามลูกค้าที่ใกล้ชิด

อัตราส่วนสำรองสำหรับหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 110% ณ เดือนมิถุนายน 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนดังกล่าวให้อยู่ในระดับใกล้เคียงเช่นนี้ต่อไปได้ตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรองรับมาตรฐานทางบัญชีใหม่ (IFRS 9) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2563

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• การขยายตัวของสินเชื่อของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 3%-12% ต่อปีในระหว่างปี 2562-2564

• ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับ 4.7%-5.0% ในระหว่างปี 2562-2564

ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจะอยู่ที่ประมาณ 0.6%-0.7% ในระหว่างปี 2562-2564

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THANI201A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,510 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI203A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI209B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 665 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DC: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI211A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 175 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI212D: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 720 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,070 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
THANI227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,745 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
THANI237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 486 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
THANI247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 594 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี A-
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ