ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. บัตรกรุงศรีอยุธยา” ที่ “AAA” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 31, 2019 13:20 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ที่ระดับ “AAA” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวมีการยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมั่นคง ตลอดจนคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น สถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจบัตรเครดิต รวมถึงฐานทุนที่แข็งแกร่งของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาในฐานะที่บริษัทเป็นบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท และได้วางตำแหน่งให้บริษัทเป็นหน่วยธุรกิจหลักของธนาคารที่ให้บริการทางด้านบัตรเครดิตภายใต้ตราสัญลักษณ์ “กรุงศรี” ในการนี้ บริษัทมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและมีแนวทางดำเนินงานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ “กลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์” ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตหลากหลายประเภท

ในด้านความร่วมมือทางธุรกิจนั้น บริษัทมีระบบปฏิบัติการร่วมกับธนาคารอย่างเต็มรูปแบบโดยบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นช่องทางเบื้องต้นในการขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตรวมทั้งใช้เป็นช่องทางการชำระเงินและให้บริการ ทั้งนี้ ประมาณ 50% ของจำนวนบัตรเครดิตใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมาจากการแนะนำผ่านสาขาของธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารยังให้การสนับสนุนบริษัทในด้านการรวมศูนย์ระบบปฏิบัติการทั้งในด้านการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนการตรวจสอบภายใน และเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้มาตรฐานอีกด้วย ตัวอย่างเช่นตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา บริษัทได้พัฒนาโปรแกรมที่รองรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับบัตรเครดิตภายใต้บริการกรุงศรีคอนซูมเมอร์ที่เรียกว่า “UChoose” เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการบริหารจัดการการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต

ในด้านการสนับสนุนทางการเงินนั้น ในฐานะที่เป็นบริษัทลูกประเภท Solo Consolidation ของกลุ่มฯ บริษัทจึงได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและอย่างต่อเนื่องจากธนาคารในรูปของวงเงินสินเชื่อ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ได้อีก เช่น การออกหุ้นกู้ในตลาดทุน เป็นต้น ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระยะสั้นของบริษัทมิได้เป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

คาดว่าความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2561 ผลประกอบการค่อนข้างทรงตัว โดยบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1.68 พันล้านบาท ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3.3% ในปี 2561 ปรับตัวลงเล็กน้อยจาก 3.6% ในปี 2560 สินเชื่อยังคงเติบโตในระดับปานกลาง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายหนี้สูญลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการที่อ่อนตัวลง ได้แก่ อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้น ผลกำไรที่ลดลงในธุรกิจบัตรเครดิตเป็นผลมาจากการปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี 2560 โดยมีการปรับลดเพดานดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 18% จากเดิม 20% ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของบริษัทก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 54% ในปี 2561 จาก 49% ในปี 2560 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับเทคโนโลยีดิจิทัล

มีสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจบัตรเครดิต

บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดในหมู่ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตโดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 11% ของมูลค่าสินเชื่อบัตรเครดิตคงเหลือ ซึ่งสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งมาจากหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลในด้านบวกต่ออันดับเครดิตคือเงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทคิดเป็นอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 8% หรืออยู่ที่ 4.92 หมื่นล้านบาทในปี 2561 จาก 2.95 หมื่นล้านบาทในปี 2555 การเติบโตของสินเชื่อเป็นผลมาจากกิจกรรมทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและความร่วมมือที่มีกับธนาคารแม่ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะขยายพอร์ตสินเชื่อรวมได้อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตระหว่าง 3%-5% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 แรงผลักดันการเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่วนหนึ่งมาจากการออกบัตร “กรุงศรี JCB” ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจากโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจเมื่อใช้จ่ายในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นเป้าหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย

คุณภาพสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการตั้งสำรองที่ระมัดระวัง

อันดับเครดิตตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะยังคงแข็งแรงอยู่โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.2% ในระยะ 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากการมีมาตรฐานในการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่ได้มาตรฐาน และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งที่น่าจะอยู่ในช่วง 2.8%-3.2% ต่อปีในระหว่างปี 2562-2564 คุณภาพสินเชื่อของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราส่วนสินเชื่อค้างชำระของบัตรเครดิต (เกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อบัตรเครดิตรวมปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.8% ณ สิ้นปี 2561 จาก 1.0% ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.9% อันเป็นผลมาจากคุณภาพสถานะทางการเงินของลูกค้าที่ดีขึ้นจากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นและการพัฒนาแบบจำลองการประเมินสถานะเครดิตที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่เป็นผลบวกอีกประการหนึ่งคือการตั้งสำรองหนี้สูญที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทยังคงนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดจากการรวมนโยบายด้านระบบบริหารความเสี่ยงให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับของกลุ่มธนาคารแม่ โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 740% ณ สิ้นปี 2561 จาก 619% ณ สิ้นปี 2560 ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตราส่วนดังกล่าวให้อยู่ในระดับสูงต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนในการดำเนินธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับปัจจุบันของบริษัทนั้นจะเพียงพอต่อความต้องการในการตั้งสำรองเพิ่มเติมภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS 9) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2563

การก่อหนี้อยู่ในระดับต่ำและฐานทุนมีความแข็งแรง

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับฐานทุนที่แข็งแรงให้อยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับแผนการขยายธุรกิจได้ในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ฐานทุนที่แข็งแรงเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นและการไม่มีการจ่ายเงินปันผล อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ในช่วงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25.6% ณ สิ้นปี 2561 จากระดับ 19%-23% ในช่วง 3 ปีก่อน ฐานทุนที่แข็งแรงนี้ยังจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายหนี้สูญที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อีกด้วย

ภายหลังจากที่ Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาแล้วสถานะทางธุรกิจของบริษัทก็เปลี่ยนไปเป็นบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนดให้บริษัทต้องดำรงฐานทุนที่เพียงพอและรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนชำระแล้วให้เท่ากับหรือไม่ให้ต่ำกว่า 7 เท่าของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัทอยู่ที่ 5.2 เท่า ณ สิ้นปี 2561 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3.2 เท่า ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งยังคงต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้ ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับภาระหนี้เอาไว้ในระดับที่เหมาะสมได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าบริษัทจะยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยมีสมมติฐานว่าบริษัทจะยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระมัดระวังและมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• การขยายตัวของสินเชื่อจะอยู่ในระดับประมาณ 3%-5% ต่อปีโดยเฉลี่ยในระหว่างปี 2562-2564

• ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 3.2%-3.4% ในระหว่างปี 2562-2564

• ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับ 3.2%-3.7% ในระหว่างปี 2562-2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะความเป็นบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ได้และจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

สถานะเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงในกรณีที่สถานะเครดิตของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาเปลี่ยนแปลงไป หรือมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนแปลงไป หรือระดับของการสนับสนุนที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีต่อบริษัทเปลี่ยนแปลงไป

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด (KCC)
อันดับเครดิตองค์กร: AAA
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KCC203A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AAA
KCC209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AAA
KCC209B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AAA
KCC213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 365 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AAA
KCC219A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AAA
KCC229A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ