ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 31, 2019 13:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (หรือเรียกว่า “ทรัสต์ฯ”) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสินทรัพย์คุณภาพสูงของทรัสต์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีในเขตกรุงเทพมหานคร ตลอดจนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและบริการตามสัญญา และนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคตของทรัสต์ฯ ซึ่งมีปัจจัยส่งเสริมจากสินทรัพย์ของผู้สนับสนุนและผู้ถือหุ้นสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงบางส่วนจากการกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุนของทรัสต์ฯ ทั้งในแง่ของที่ตั้งและผู้เช่า

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สินทรัพย์คุณภาพสูงในทำเลที่ดีคือกุญแจสำคัญ

ทริสเรทติ้งมองว่าทรัสต์ฯ น่าจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลางจากปัจจัยสนับสนุนคือการมีสินทรัพย์คุณภาพดีและการมีที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ๆ สินทรัพย์ของทรัสต์ฯ ประกอบด้วยอาคารสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง คือ “ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์” และ “สาทร สแควร์” ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 100,511 ตารางเมตร (ตร.ม.) ณ เดือนมิถุนายน 2562 อาคารสำนักงานให้เช่าทั้ง 2 แห่งจัดอยู่ในประเภทอาคารสำนักงานเกรดเอซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจและมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS

สินทรัพย์คุณภาพสูงและอยู่ในทำเลที่ดีนำไปสู่การมีอัตราการเช่าที่สูงและอัตราค่าเช่าที่น่าพอใจ ทรัสต์ฯ มีอัตราการให้เช่าที่สูงเกินกว่า 94% สำหรับอาคารสำนักงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าวนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปีบัญชี 2559 ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2562 อัตราการเช่าเฉลี่ยของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์อยู่ที่ระดับ 100% และของอาคารสาทร สแควร์ อยู่ที่ระดับ 99% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของอาคารสำนักงานเกรดเอในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจของกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 97% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนอัตราค่าเช่าเฉลี่ยในปี 2562 ของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์นั้นอยู่ที่ 1,045-1,060 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ต่อเดือน และของอาคารสาทร สแควร์อยู่ที่ 839-849 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน ในขณะที่อัตราค่าเช่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมสำหรับอาคารสำนักงานในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจของกรุงเทพฯ อยู่ที่ 782-1,046 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน อัตราค่าเช่าของทั้งอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์และสาทร สแควร์ เติบโต 3%-5% ต่อปีในช่วงปีบัญชี 2559 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถรักษาอัตราการให้เช่าของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ได้เกินกว่า 95% และของอาคารสาทร สแควร์ ได้เกินกว่า 90% ในขณะที่อัตราค่าเช่านั้นคาดว่าจะเติบโตขึ้นปีละอย่างน้อย 2% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

รายได้ที่สม่ำเสมอจากสัญญาเช่าพื้นที่และบริการ

ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถสร้างรายได้ค่าเช่าและบริการได้อย่างสม่ำเสมอต่อไปได้อีกในช่วง 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากสัญญาเช่าพื้นที่กับผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นสัญญาที่มีระยะเวลาการเช่านาน 3 ปี ทั้งนี้ พื้นที่เช่าประมาณ 4% จะหมดสัญญาใน

ไตรมาสสุดท้ายของปีบัญชี 2562 อีก 36% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2563 ในขณะที่ 44% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2564 อีก 15% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2565 และที่เหลือจะหมดสัญญาในปีบัญชี 2566 ทั้งนี้ ในปีบัญชี 2563 และปีบัญชี 2564 จะมีพื้นที่เช่าที่จะหมดสัญญาค่อนข้างกระจุกตัวเนื่องจากสัญญาเช่าของผู้เช่ารายใหญ่ 10 รายจะหมดอายุลงพร้อมกันในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของทรัสต์ฯ เชื่อว่าผู้เช่าส่วนใหญ่น่าจะต่ออายุสัญญาเช่าเนื่องจากความต้องการเช่าอาคารสำนักงานในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในทำเลที่ดีนั้นยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่

อ้างอิงจากข้อมูลที่ผ่านมาของทรัสต์ฯ พบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทรัสต์ฯ มีอัตราการต่อสัญญาเช่าที่ค่อนข้างสูงโดยอัตราการต่อสัญญาเช่าของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์มีเกินกว่า 90% และของอาคารสาทร สแควร์ มีเกินกว่า 80% รายได้ค่าเช่าและบริการของทรัสต์ฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ 1.14 พันล้านบาทในปีบัญชี 2561 และ 899 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 จาก 1.08 พันล้านบาทในปีบัญชี 2560 ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการทำกำไรของทรัสต์ฯ ก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของทรัสต์ฯ คงอยู่ที่ระดับ 76%-78% ในช่วงปีบัญชี 2559 จนถึง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าในอนาคตทรัสต์ฯ จะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสูงกว่า 70% ได้เป็นอย่างต่ำในปีบัญชี 2562-2564

โอกาสในการเติบโตในอนาคตจากสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัท

ผู้จัดการกองทรัสต์ฯ และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์ฯ เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัทยูนิเวนเจอร์และบริษัทแผ่นดินทองฯ เป็นบริษัทในเครือของ TCC Group ซึ่งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและเพื่อขายเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทดังกล่าว จากการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าทรัสต์ฯ จะมีการลงทุนในสินทรัพย์ทั้งในและนอกศูนย์กลางทางธุรกิจที่มีอัตราการเช่าสูงและมีการเติบโตของค่าเช่าแบบคงที่เข้ามาใหม่ทุก ๆ 3-4 ปี การขยายขนาดของสินทรัพย์ที่มีคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลทำให้รายได้ค่าเช่าและบริการรวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของทรัสต์ฯ เติบโตยิ่งขึ้นในอนาคต ปัจจุบันหนึ่งในอาคารสำนักงานที่ทรัสต์ฯ จะลงทุนคืออาคาร

“เอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์” โดย ณ เดือนมิถุนายน 2562 อัตราการให้เช่าของอาคารดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 98% และมีอัตราค่าเช่าที่ 752 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวสร้างความท้าทาย

ทรัสต์ฯ มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวค่อนข้างสูงทั้งในแง่ของจำนวนอาคารและผู้เช่า ผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เป็นอาคารเพียง 2 แห่งใน 2 ทำเล คือ ถนนวิทยุและถนนสาทร ณ เดือนมิถุนายน 2562 ประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้ค่าเช่าและบริการมาจากอาคารสาทร สแควร์ และอีก 1 ใน 3 มาจากอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ อย่างไรก็ตาม ทรัสต์ฯ ก็มีการทำประกันภัยเพื่อช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงบางส่วนโดยมีทั้งประกันความรับผิดต่อสาธารณะ ประกันภัยคุ้มครองความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักสำหรับอาคารทั้งสองแห่งดังกล่าว

นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของผู้เช่าในระดับหนึ่งอีกด้วย ณ เดือนมิถุนายน 2562 อาคาร

ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์มีผู้เช่าจำนวน 83 ราย และอาคารสาทร สแควร์ มีผู้เช่าจำนวน 138 ราย ทั้งนี้ ผู้เช่ารายใหญ่ที่สุด 10 รายมีสัญญาเช่าพื้นที่คิดเป็น 41% ของพื้นที่ให้เช่ารวมและคิดเป็น 30% ของรายได้ค่าเช่าและบริการรวมในช่วงปีบัญชี 2561 จนถึง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 ส่วนผู้เช่าในเครือ TCC Group คิดเป็น 11% ของพื้นที่ให้เช่ารวมและคิดเป็น 9% ของรายได้ค่าเช่าและบริการรวม อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของผู้เช่าลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่ผู้เช่าเหล่านี้มีสถานะเครดิตที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ผู้จัดการทรัสต์ฯ ก็มักจะมีการเจรจาเรื่องการต่ออายุสัญญาเช่ากับผู้เช่าล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 6 เดือนก่อนที่สัญญาเช่าฉบับเดิมจะหมดอายุลงเสมอ ซึ่งทำให้ทรัสต์ฯ มีเวลาเพียงพอในการหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทนผู้เช่ารายเดิมที่จะไม่ต่อสัญญา เนื่องด้วยสินทรัพย์ตั้งอยู่บนทำเลที่สำคัญจึงคาดว่าทรัสต์ฯ ไม่น่าจะมีปัญหาในการหาผู้เช่าใหม่มาทดแทน ในปีนี้ บริษัทแผ่นดินทองฯ หนึ่งในผู้เช่ารายใหญ่ของทรัสต์ฯ ได้ยุติสัญญาเช่าพื้นที่ขนาด 3,526 ตร.ม. เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งในกรณีดังกล่าวทรัสต์ฯ สามารถหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทนได้เต็มพื้นที่ด้วยอัตราค่าเช่าที่ดีกว่าเดิม

นโยบายการเงินที่ระมัดระวัง

ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าทรัสต์ฯ มีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของทรัสต์ฯ คงอยู่ที่ระดับ 19% ในปีบัญชี 2561 และ 18% ณ เดือนมิถุนายน 2562 ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 2-3 เท่าในปีบัญชี 2561 จนถึง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 ทรัสต์ฯ มีนโยบายที่จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ให้ต่ำกว่า 20% ในระยะปานกลาง

ตามข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ ทรัสต์ฯ จะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ให้ต่ำกว่า 60% อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ของทรัสต์ฯ เป็นสิทธิการเช่าอีกทั้งทรัสต์ฯ จะต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่มากกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วให้แก่ผู้ถือหน่วยด้วย ดังนั้น ทรัสต์ฯ จึงไม่น่าจะก่อหนี้ในระดับที่สูงมากได้ แม้ว่าทรัสต์ฯ มีแผนจะขยายการลงทุนในอนาคต แต่ก็คาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่จะใช้เงินทุนจากทั้งการกู้ยืมและการเพิ่มทุนจากผู้ถือหน่วย ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานะธุรกิจของทรัสต์ฯ ในปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 30% และจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่าได้ ทั้งนี้ เพื่อที่จะยังคงรักษาระดับอันดับเครดิตในปัจจุบันเอาไว้

สภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งมองว่าสภาพคล่องของทรัสต์ฯ ยังคงมีเพียงพอจากการที่ทรัสต์ฯ มีภาระหนี้อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและไม่มีภาระหนี้ที่จะต้องชำระในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 40% ในปีบัญชี 2561 และ 43% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 9 เท่าในปีบัญชี 2561 และ 8 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2562 ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 สภาพคล่องทางการเงินของทรัสต์ฯ ประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 93 ล้านบาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามมูลค่ายุติธรรมจำนวน 902 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 160 ล้านบาท ทริสเรทติ้งยังคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ในระหว่างปีบัญชี 2562-2563 จะอยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาทต่อปี ณ เดือนมิถุนายน 2562 ทรัสต์ฯ มีหุ้นกู้คงค้างจำนวน 2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเมษายน 2570 โดยทรัสต์ฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ จากการที่ทรัสต์ฯ มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนรวมถึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้สนับสนุนจึงคาดว่าทรัสต์ฯ จะไม่มีปัญหาในการจ่ายคืนภาระหนี้ดังกล่าว

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• แผนการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่คาดว่าจะมีขนาดการลงทุนประมาณ 5-6 พันล้านบาทในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

• อัตราการให้เช่าของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์จะอยู่ในช่วงระดับ 95%-100% และของอาคารสาทร สแควร์ จะอยู่ในช่วงระดับ 90%-98% ในช่วงปีบัญชี 2562-2564 และอัตราการเช่าอาคารสำนักงานเอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์ จะสูงกว่า 90% ในปีบัญชี 2564

• อัตราค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์และอาคารสาทร สแควร์ จะเติบโตที่ระดับ 2%-3% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

• รายได้ค่าเช่าและบริการจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาทในปีบัญชี 2562-2563 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านบาทต่อปีในปีบัญชี 2564 จากการสินทรัพย์ใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม

• อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 73% ในช่วงปีบัญชี 2562-2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าทรัสต์ฯ จะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอต่อไปได้ในช่วงปีบัญชี 2562-2564 โดยที่ทริสเรทติ้งยังคาดว่าสินทรัพย์ของทรัสต์ฯ จะมีอัตราการเช่าที่สูงและมีอัตราค่าเช่าตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของทรัสต์ฯ จะยังคงแข็งแกร่งโดยทรัสต์ฯ มีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจปรับลดลงได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง หรือทรัสต์ฯ มีหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการขยายธุรกิจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หาก

ทรัสต์ฯ มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นและสามารถสร้างความหลากหลายของทำเลที่ตั้งและฐานผู้เช่าได้ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งอยู่ได้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, 12 ตุลาคม 2559

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GVREIT274A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ