ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์” ที่ “A-” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 31, 2020 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตาม “เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม” (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนภาระหนี้ที่สูงและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ที่อ่อนแอลงของบริษัทแม่

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแต่เพียงผู้เดียวในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนฐานรายได้ประจำที่บริษัทได้รับจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า และผลประกอบการที่ดี

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น

ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 กลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 74% และมีอำนาจควบคุมแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจด้านนโยบายทางการเงินของบริษัทโดยตรง บริษัทได้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเป็นผู้ให้บริการน้ำในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นทั้งในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทได้สิทธิในการให้บริการน้ำแก่นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 10 แห่งและที่กำลังพัฒนา (รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนามด้วย) อีก 4 แห่ง ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวช่วยให้บริษัทมีความเสี่ยงในการดำเนินงานที่ต่ำจากการที่คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่ที่บริษัทให้บริการได้ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีกหลายแห่งที่บริษัทได้ลงทุนร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายรายอีกด้วย

บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วนที่สำคัญให้แก่ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น โดยในปี 2562 บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วน 16% ของรายได้รวมของบริษัทแม่และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในสัดส่วน 34% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทแม่

ธุรกิจในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจในประเทศเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโต

บริษัทมีรายได้และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคที่ระดับ 1.8 พันล้านบาทและ 900 ล้านบาทในปี 2562 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.5-1.7 พันล้านบาทและระดับ 700-800 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2559-2561

สัดส่วนรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจสาธารณูปโภคคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามนอกเหนือจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ สินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของบริษัท เช่น น้ำปราศจากแร่ธาตุ น้ำสะอาด จากการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรม และน้ำจืดจากระบบการกลั่นน้ำทะเลยังสร้างกลยุทธ์ใหม่ให้แก่บริษัทในการสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

บริษัทยังวางแผนจะขยายธุรกิจสาธารณูปโภคนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น อีกด้วย โดยในปี 2562 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่งคือ Cua Lo Water Supply Joint Stock Company และ Duong River Surface Water Plant JSC โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมที่ประมาณ 3 พันล้านบาท

กระแสเงินสดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่คาดการณ์ได้

กระแสเงินสดที่เกิดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจหลายรายนั้นค่อนข้างมั่นคง โดยบริษัทถือหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลายแห่งภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (Very Small Power Producer -- VSPP) ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 กำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 559 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 590 เมกะวัตต์ภายในปลายปี 2563

ในปี 2563 บริษัทได้รับเงินปันผลจากโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 804 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่จำนวน 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565 นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการลงทุนในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่ขนาด 100 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 2565 โดย ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทได้ทำการติดตั้งไปแล้วที่ขนาด 30.8

เมกะวัตต์

ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45% ในปี 2562 จากระดับประมาณ 37% ในปี 2560-2561 โดยหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนาม บริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเติบโตในธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน โดยในด้านธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น บริษัทจะขยายตัวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทแม่ตามแผนและจะเพิ่มสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้มากขึ้น เช่น น้ำสะอาดจากการเปลี่ยนน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและน้ำปราศจากแร่ธาตุ ส่วนในด้านธุรกิจพลังงานนั้น บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะขยายการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยเพิ่มการลงทุนในส่วนของระบบ Solar Rooftop และมีความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและการค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ โดยงบลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับ 1.4-2.9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีประมาณการและคาดว่าส่วนหนึ่งของแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม ในการนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 45%-47% ในระหว่างปี 2563-2565

กระแสเงินสดอยู่ในระดับที่จัดการได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการชำระหนี้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 5.9 พันล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคม 2563 จำนวน 4 พันล้านบาทและส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน บริษัทได้ออกหุ้นกู้จำนวน 3 พันล้านบาทในเดือน กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อชำระหนี้ที่ครบกำหนดชำระ ส่วนแหล่งเงินทุนเพื่อการชำระหนี้เพิ่มเติมนั้นมาจากเงินสดในมือจำนวน 755 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกจำนวน 2.3 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2562 เป็นหลัก

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% ในช่วงปีประมาณการ

• อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35%-37% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 90%-110%

• งบลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 1.4-2.9 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ

คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นไปตาม “เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม” ของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่ารูปแบบและระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นและบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับสถานะเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ

คอร์ปอเรชั่น หรือความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

WHAUP208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

WHAUP208B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

WHAUP216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,390 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-

WHAUP22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

WHAUP236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,290 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-

WHAUP256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,320 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-

WHAUP302A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ