ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. เมกะ สากลพาณิชย์” ที่ “AAA” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 31, 2020 16:47 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของธนาคารซึ่งเป็นธนาคารย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega International Commercial Bank Co., Ltd. ในประเทศไต้หวัน (Mega ICBC-Taiwan ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”) และการได้รับการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต

เมื่อพิจารณาในส่วนของอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ แล้ว ปัจจัยสนับสนุนสถานะเครดิตของธนาคารประกอบด้วยเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี และสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ก็มีข้อบั่นทอนอันเกิดจากการกระจุกตัวของธุรกิจจากการที่ธนาคารมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าว

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การสนับสนุนจาก Mega ICBC-Taiwan จะยังคงดำเนินต่อไป

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ที่สำคัญที่สุดคือการที่ทริสเรทติ้งเห็นว่าธนาคารจะยังคงได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแม่คือ Mega ICBC-Taiwan ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ธนาคารเกิดปัญหาทางการเงิน ซึ่งปัจจัยชี้วัดก็คือการเพิ่มทุนในอดีตที่นอกเหนือจากการได้รับการสนับสนุนด้านแหล่งเงินกู้สำรองนั่นเอง ทั้งนี้ การใช้ชื่อองค์กรร่วมกันยังส่งผลทำให้การดำเนินงานและผลประกอบการของธนาคารมีแนวโน้มที่จะได้รับผลจากชื่อเสียงของกลุ่มโดยตรงซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นในการบริหารความเสี่ยงร่วมกันอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่ Mega ICBC-Taiwan จะขายธุรกิจของธนาคารออกไปเนื่องจาก

พันธสัญญาในระยะยาวต่อธุรกิจในประเทศไทยที่มีธนาคารเป็นหน่วยผลักดันอันประกอบด้วยการให้บริการทางการเงินและสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าชาวไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ซึ่งลูกค้าหลายรายได้รับการแนะนำจากธนาคารแม่และจากหน่วยงานราชการของประเทศไต้หวัน ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันกลยุทธ์ของกลุ่มในการมุ่งเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามนโยบาย “New Southbound Policy” ของรัฐบาลไต้หวันซึ่งส่งเสริมการขยายการลงทุนในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเอเชียใต้ และประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นการลดการพึ่งพาประเทศจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย

เงินกองทุนจะยังคงแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับเงินกองทุนของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เงินกองทุนที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่กำหนดอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคาร ทริสเรทติ้งเชื่อว่าฐานทุนที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะช่วยรองรับความสูญเสียทางเครดิตที่อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัส

โคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)

ทริสเรทติ้งประมาณการเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารว่าจะอยู่ที่ระดับ 19%-21% ในปี 2563-2565 ซึ่งเพียงพอที่จะรักษาอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารให้อยู่ในระดับปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินปันผลของธนาคารจะคงอยู่ที่ระดับ 90% ซึ่งสะท้อนนโยบายการจ่ายเงินปันผลของผู้บริหารที่ต้องการคงอัตราเงินปันผลในระดับสูง และทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับ 3%-5% ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

ณ สิ้นปี 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารอยู่ที่ระดับ 22.4% คิดเป็นสัดส่วน 97% ของเงินกองทุนรวม ซึ่งสะท้อนถึงเงินกองทุนที่มีคุณภาพสูง

เป็นรูปแบบธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้าธุรกิจรายใหญ่

ธุรกิจของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ยังคงมีรูปแบบที่มุ่งเน้นให้บริการด้านการธนาคารโดยเฉพาะแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจชาวไต้หวันในประเทศไทยและบริษัทไทยขนาดใหญ่ ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น ๆ เพื่อขยายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่น่าพอใจโดยอยู่ที่ระดับ 12% ในปี 2562 ในอนาคตธนาคารต้องการแสวงหาโอกาสจากนักธุรกิจชาวไต้หวันที่เข้ามาในประเทศไทยตามนโยบาย New Southbound Policy ของรัฐบาลไต้หวัน

ลักษณะของผลการดำเนินงานของธนาคารน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ กำไรจากธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่อยู่ในระดับไม่สูงนักจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักให้แก่ผลการดำเนินงานของธนาคาร รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารประกอบด้วยบริการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ และการโอนเงินระหว่างประเทศ

ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าการกระจุกตัวทางธุรกิจของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ในการนี้ ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธนาคารซึ่งวัดจากสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกต่อสินเชื่อรวมของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง

ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีอย่างต่อเนื่อง

ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะสามารถสร้างผลประกอบการในระดับที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด 19 และสภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำก็ตาม ธนาคารน่าจะยังคงมีผลกำไรหลังจากปรับค่าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ดีเมื่อพิจารณาจากการปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มีความชัดเจน ตลอดจนการมีคุณภาพเครดิตที่ดี รวมถึงการมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และกำไรจากธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารจะอยู่ในระดับปานกลางที่ 3%-5% ต่อปี โดยกำไรจากดอกเบี้ยสุทธิจะลดลงและต้นทุนทางเครดิตจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.0% ในปี 2563-2565 ซึ่งลดต่ำลงจากระดับ 1.3%-1.4% ในช่วงปี 2561-2562 และคาดว่ากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิจะอยู่ในระดับต่ำลงที่ระดับ 1.9%-2.0% จากระดับ 2.3%-2.4% ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำและต้นทุนทางเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าต้นทุนทางเครดิตของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.5% ในปี 2563 และที่ระดับ 0.2%-0.3% ในปี 2564-2565

พร้อมรับความเสี่ยงจากโรคโควิด 19

ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ น่าจะมีความพร้อมรับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เป็นผลกระทบจากโรคโควิด 19 ได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังพิจารณาว่าธนาคารมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวทางเครดิตในระดับสูงซึ่งวัดจากสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกต่อสินเชื่อรวมของธนาคารที่อาจส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในกรณีการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังพิจารณารวมไปถึงการที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีในสินเชื่อธุรกิจ มีสำรองหนี้สูญที่เพียงพอ และมีมูลค่าของหลักประกันต่อเงินสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน สินเชื่อส่วนหนึ่งของธนาคารยังได้รับการประกันจาก Overseas Credit Guarantee Fund (OCGF) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับประกันเครดิตของประเทศไต้หวันอีกด้วย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มบุคลากรในสายงานตรวจสอบ การบริหารความเสี่ยง และข้อมูลด้านเครดิตในช่วงปีที่ผ่านมาอีกด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกันธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ ที่ดำเนินงานในประเทศไทย ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ก็มีสัญญาณการเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์ในเบื้องต้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยทริสเรทติ้งมองว่าการเพิ่มสูงขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพเกิดจากปัจจัยพื้นฐานของผู้กู้ที่อ่อนแอลงและการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ในช่วงต้นปี 2563 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 1.13% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับ 0.65% ณ สิ้นปี 2562 โดยมีสาเหตุมาจากการจัดชั้นสินเชื่อร่วมขนาดใหญ่ของลูกค้ารายหนึ่งอย่างระมัดระวัง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศไทยที่ระดับ 0.57% ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.9% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อยู่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ในปี 2562 ธนาคารยังได้พัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการตัดหนี้สูญสำหรับหนี้ด้อยคุณภาพเดิมบางรายการอีกด้วย

ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ได้ตั้งสำรองหนี้สูญในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ไว้สูงกว่าที่ตั้งในปี 2562 ทั้งปี ส่งผลให้ต้นทุนทางเครดิตที่ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีอยู่ที่ระดับ 0.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับความสูญเสียทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Losses – ECL) ไว้ที่มูลค่า 40 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนทางเครดิตอยู่ที่ระดับ 0.1% ในปี 2562 ธนาคารมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ระดับ 138% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 และมีสัดส่วนมูลค่าของหลักประกันต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ระดับประมาณ 70% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2562

การพึ่งพาแหล่งเงินฝากจากลูกค้าธุรกิจในระดับสูง

การพึ่งพาแหล่งเงินฝากขนาดใหญ่จากกลุ่มลูกค้าธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของธนาคาร เงินฝากจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจซึ่งมีขนาดเฉลี่ยต่อบัญชีใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งนั้นมีสัดส่วนประมาณ 80% ของยอดเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นปี 2562 นอกจากนี้ เงินกู้ยืมระหว่างธนาคารและจากตลาดเงินมีสัดส่วนที่สูงอยู่ที่ระดับ 33% ของแหล่งเงินทุนรวม ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 21% ณ สิ้นปี 2560 โดยสัดส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศไทยและธนาคารไทยที่ประมาณ 11%-13% ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ อยู่ในระดับสูงที่ 133% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563

ต้นทุนทางการเงินของธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงวันครบกำหนดชำระที่ยาวนานขึ้นของเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารที่จะดำรงสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสำหรับใช้รองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ให้เพียงพอตามเกณฑ์ขั้นต่ำได้ดีขึ้น ธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนเงินฝากให้อยู่ในระดับค่อนข้างคงได้ในช่วงปี 2562 เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน สัดส่วนของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ต่อเงินรับฝากของธนาคารก็อยู่ในระดับที่ดีที่ 57% ของเงินฝากรวม ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

สภาพคล่องที่เพียงพอ

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสภาพคล่องที่เพียงพอของธนาคารสะท้อนถึงแหล่งเงินกู้สำรองจากธนาคารแม่และสินทรัพย์สภาพคล่องที่เพียงพอรองรับความต้องการด้านแหล่งเงินทุนของธนาคาร ผู้บริหารของธนาคารยังมีแผนจะเพิ่มวงเงินสินเชื่อประเภทที่ไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed Credit Facilities) พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้เงินกู้ระหว่างธนาคารกับธนาคารแม่อีกด้วย สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้ธนาคารมีสัดส่วน LCR ที่เพียงพอตามเกณฑ์ขั้นต่ำดียิ่งขึ้น โดยอัตราส่วน LCR ของธนาคาร ณ เดือนมิถุนายน 2563 นั้นก็อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของทางการซึ่งอยู่ที่ระดับ 100% สำหรับปี 2563 ในขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อหนี้สินระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 28.5% ณ สิ้นปี 2562

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานระหว่างปี 2563-2565 ดังต่อไปนี้

• อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: 3%-5%

• ต้นทุนทางเครดิต: 0.5% ในปี 2563 0.2%-0.3% ในปี 2564-2565

• อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม: 1.5%-1.8%

• อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ: 19%-21%

• อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิต: 1.9%-2.0%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan และจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารอาจเปลี่ยนแปลงในกรณีที่สถานะเครดิตของ Mega ICBC-Taiwan เปลี่ยนไป หรือในกรณีที่มุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารที่มีต่อ Mega ICBC-Taiwan และการสนับสนุนจากกลุ่มนั้นลดน้อยถอยลง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการในการจัดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์, 30 มีนาคม 2560

- Group Rating Methodology, 10 กรกฏาคม 2558

ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (Mega ICBC)

อันดับเครดิตองค์กร: AAA

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ