ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์” ที่ “BBB” และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น “Negative” จาก “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 14, 2020 14:17 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ ?BBB? ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.695 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB? ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่จะครบกำหนด

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?Negative? หรือ ?ลบ? จาก ?Stable? หรือ ?คงที่? ด้วย การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าซึ่งมีสาเหตุหลักจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส

โคโรนา 2019 (โควิด 19) รวมถึงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทที่จะยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะอุตสาหกรรมที่ไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ความพยายามของบริษัทในการขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ และพื้นที่บริการ

อื่น ๆ ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะปรับตัวดีขึ้น โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ในประเทศจีนเป็นปัจจัยสนับสนุนด้านอุปสงค์ที่สำคัญ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของค่าระวางเรือก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากฐานะการเงินที่แข็งแรงของบริษัทจากการที่มีเงินสดจำนวนมากในมือ อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเสี่ยงทางธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงจากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองทางเรือและธุรกิจให้บริการวิศวกรรมนอกชายฝั่งที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความเสี่ยงจากธุรกิจหลักที่มีความผันผวนสูง

ความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทถูกกำหนดจากการที่ธุรกิจหลักทั้ง 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งมีความผันผวนสูง โดยทั้งสองธุรกิจสร้างอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยเฉลี่ยให้แก่บริษัทคิดเป็นประมาณ 70%-80%

ในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมมีความผันผวนคือภาวะอุตสาหกรรมส่วนเกินที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องจากการที่อุตสาหกรรมประกอบไปด้วยผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากและมีการแข่งขันสูงจนส่งผลให้การควบคุมอุปทานเป็นไปได้ยากและเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าระวางเรือ

ผลการดำเนินงานของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัท ขึ้นอยู่กับขึ้นอยู่กับการดำเนินการด้านตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษา (Inspection Repair and Maintenance: IRM) ของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่มีความผันผวนสูงและเป็นวัฏจักรขึ้นลง การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนเรื่องทิศทางราคาน้ำมันดิบและจะยังคงกดดันธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทในระยะสั้นถึงกลาง นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการมีลูกค้าหลักน้อยรายทำให้ความสามารถในการต่อรองราคามีจำกัด โดยผลการดำเนินงานของบริษัทขึ้นอยู่กับการต่ออายุสัญญาจ้างของลูกค้าไม่กี่รายที่เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติในตะวันออกกลาง

ค่าระวางเรือฟื้นตัวหลังจากอุตสาหกรรมหยุดชะงักจากโรคโควิด 19

การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้อุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองเกิดภาวะชะงักในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ดัชนีค่าระวางเรือบอลติก (Baltic Dry Index -- BDI) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 23% มาอยู่ที่ 685 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 อย่างไรก็ดี ค่าระวางเรือได้ปรับตัวดีขึ้นหลังจากผลกระทบจากโรคระบาดเริ่มคลี่คลายและกิจกรรมต่าง ๆ ทยอยกลับมาดำเนินการ การปรับตัวของอุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมในทิศทางที่ดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของค่าระวางเรือในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ในประเทศจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนอุปสงค์ในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ทริสเรทติ้งมองว่าการเติบโตของอุปสงค์ยังมีความอ่อนไหวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ รวมถึงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 2 ในขณะที่ด้านอุปทานนั้น ความล่าช้าของการส่งมอบเรือใหม่ จำนวนการสั่งต่อเรือใหม่ รวมถึงกฎเกณฑ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้การเติบโตของอุปทานเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะอยู่ในระดับไม่สูงในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ค่าระวางเรือ (Time Charter Equivalent -- TCE) โดยเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 7,622 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ค่าระวางเรือที่ระดับดังกล่าวยังคงสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือซึ่งอยู่ที่ 5,341 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อวันต่อลำ ทำให้ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นบวก สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 8,000-8,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2563 และจะอยู่ระหว่าง 9,000-9,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2564-2565 ซึ่งต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 9,800-10,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5,300-5,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในช่วงปี 2563-2565 รายได้จากธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาทในปี 2563 และจะอยู่ที่ 6-6.2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2564-2565 และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 14%-17% ในช่วงปี 2563-2565

ผลการดำเนินงานของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งอ่อนแอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทยังคงเผชิญกับแรงกดดัน เมื่อพิจารณาถึงภาวะอุตสาหกรรมที่ยังคงไม่สดใส ในขณะที่ความพยายามของบริษัทในการขยายไปยังธุรกิจและพื้นที่ให้บริการอื่น ๆ เช่น การขยายไปทำงานรื้อถอน (Decommissioning) ในอ่าวไทย ยังไม่เกิดขึ้น

บริษัทยังคงประสบกับปัญหาอัตราการใช้งานกองเรือที่ต่ำ มูลค่าสัญญาที่บริษัทมี มาจากอัตราการใช้งานของเรือ 3 ลำในระดับสูง ในขณะที่เรืออีก 4 ลำของบริษัทเข้าอู่เย็น (Cold-stacking) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบที่ 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะรับรู้และเป็นฐานรายได้ให้กับบริษัท 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในครึ่งหลังของปี 2563 และ 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 และ 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงมีความระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงเผชิญภาวะอุปทานส่วนเกิน การต่อสัญญาจึงยังมีความไม่นอนหรือไม่ก็มาพร้อมกับแรงกดดันด้านราคา

ในเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมาบริษัทตัดสินใจขายเงินลงทุนใน บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่งค์ จำกัด (AOD) มูลค่ารวม 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก AOD ประมาณ 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี การขายเงินลงทุนใน AOD เกิดจากมุมมองของบริษัทต่อธุรกิจขุดเจาะที่ไม่สดใส ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีจากธุรกรรมดังกล่าวเมื่อพิจารณาถึงมูลค่าทางบัญชีของ AOD ก่อนการขายออกไป

สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทจะมีรายได้รวม 90-120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในปี 2563-2565 โดยสมมติฐานดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบแล้วและรายได้จากสัญญาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงานให้บริการนอกชายฝั่งที่บริษัททำอยู่ ด้วยภาวะอัตราการใช้งานกองเรือที่ต่ำรวมทั้งภาวะกดดันเรื่องราคาทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทยังจะคงประสบกับผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงดังกล่าว ซึ่งผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องจะลดทอนความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของบริษัท

รายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ยังมีขนาดเล็ก

ทริสเรทติ้งยังได้พิจารณาถึงความพยายามในการเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเพื่อจะช่วยลดความผันผวนจากธุรกิจหลักทั้ง 2 ประเภทของบริษัทด้วย ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่มีลักษณะที่ไม่เป็นวัฏจักร เช่น ธุรกิจปุ๋ย ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริหารจัดการน้ำ และธุรกิจโลจิสติกส์ แม้ว่าธุรกิจปุ๋ยจะมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และการเติบโตของธุรกิจร้านพิซซ่า ฮัทก็เป็นไปด้วยดี การลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญต่อกลุ่มมากนัก

ในปี 2563-2565 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจปุ๋ยอยู่ที่ 2.5-2.6 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 5%-7% ในขณะที่ธุรกิจอาหาร รายได้หลักมาจากธุรกิจร้านพิซซ่า ฮัท ซึ่งบริษัทเริ่มได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดจากจำนวนร้านที่มากขึ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีจำนวนร้าน 154 ร้าน โดยบริษัทมีแผนขยายสาขา 15-20 สาขาต่อปีในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากพิซซ่า ฮัท 2-2.4 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 9%-10%

ผลการดำเนินงานอ่อนแอลงมากในปี 2563 แต่จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอ่อนแอลงอย่างมากในปี 2563 แต่จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2564-2565 โดยเป็นผลจากธุรกิจขนส่งเรือสินค้าแห้งเทกองเป็นหลัก

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้ 6.3 พันล้านบาทและมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 150 ล้านบาท และมีเงินทุนจากการดำเนินงานติดลบอยู่ที่ 37 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่อ่อนแอดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และการที่เรือให้บริการนอกชายฝั่ง 2 ลำของบริษัทต้องเข้าอู่แห้งตามกำหนด ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือและเรือให้บริการนอกชายฝั่งทั้ง 2 ลำกลับมาดำเนินการตามปกติตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563

สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่า บริษัทจะมีรายได้รวม 1.3-1.55 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565 โดยที่ในปี 2563 บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายประมาณ 600 ล้านบาท และมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 180-200 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นในปี 2564-2565 โดยที่บริษัทจะมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 8%-10% ซึ่งจะสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่ประมาณ 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อปีในปีประมาณการ และจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2565 โดยปัจจัยเสี่ยงด้านรายได้จะเกิดจากภาวะชะงักงันในการฟื้นตัวของค่าระวางเรือ และ/หรือผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าคาดของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง

เงินสดในมือจำนวนมากช่วยสนับสนุนสถานะการเงิน

การที่บริษัทมีเงินสดในมือจำนวนมากเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่ผันผวนและสนับสนุนสถานะการเงินและอันดับเครดิตของบริษัท ผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในปี 2563 ต่อคุณภาพกระแสเงินสดได้ถูกลดทอนลงจากเงินที่ได้รับจากการขายหุ้น AOD

ในปี 2563-2565 ทริสเรทติ้งคาดว่าหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 15% ขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10% ในปี 2563 ก่อนที่จะปรับดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20%-30% ในปี 2564-2565 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.4 พันล้านบาทต่อปีในปี 2563-2564 โดยส่วนใหญ่จะใช้สำหรับซื้อเรือขนส่งสินค้ามือสองจำนวน 2 ลำ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินกู้จากธนาคารเป็นแหล่งเงินทุนในสัดส่วน 50% และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาทในปี 2565

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ แหล่งสภาพคล่องหลักของบริษัทมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในมือจำนวนประมาณ 5.2 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 เงินที่จะได้รับจากการขาย AOD ประมาณ 0.9 พันล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 180-200 ล้านบาทในปี 2563 และที่ระดับประมาณ 600-700 ล้านบาทในปี 2564

ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนดชำระในช่วงที่เหลือของปี 2563 รวมประมาณ 730 ล้านบาท และมีแผนการลงทุนอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 นั้น บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระรวมประมาณ 2.9 พันล้านบาท และมีแผนการลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 8,000-8,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2563 และจะอยู่ระหว่าง 9,000-9,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2564-2565

? ธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของบริษัทจะมีรายได้รวม 90-120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในปี 2563-2565

? บริษัทจะมีรายได้ 1.3-1.55 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2563-2565

? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทในปี 2563 และ 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อปีในปี 2564-2565

? มีเงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 180-200 ล้านบาทในปี 2563 และ 600-700 ล้านบาทต่อปีในปี 2564-2565

? เงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.4 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2564 และ 400-500 ล้านบาทในปี 2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอกว่าที่คาดอันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมถึงความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการในธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? จะเกิดจากการที่ผลประกอบการของบริษัทดีกว่าที่ประมาณการและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลประกอบการด้อยลงอย่างต่อเนื่อง หรือจากการลงทุนโดยการก่อหนี้ขนาดใหญ่

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TTA213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,805.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB

TTA221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,695 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ