ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. คันทรี่กรุ๊ป” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2020 14:33 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?BBB-? แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? จากทริสเรทติ้ง) เนื่องจาก บล. คันทรี่กรุ๊ป เป็นบริษัทลูกซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เพียงแห่งเดียวที่ดำเนินธุรกิจโดยบริษัทมีสัดส่วนฐานทุนและรายได้คิดเป็นฐานทุนและรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

ทริสเรทติ้งมองว่า บล. คันทรี่ กรุ๊ป เป็นสมาชิกหลักที่ดำเนินธุรกิจของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทลูกที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเพียงรายเดียวและถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อีกทั้งฐานทุนของบริษัทยังคิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญที่ระดับประมาณ 36% ของฐานทุนของบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในขณะที่รายได้รวมของบริษัทก็คิดเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยถึง 88% ของรายได้รวมของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย นอกจากนี้ บล. คันทรี่ กรุ๊ป ยังมีความเชื่อมโยงกับบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในเชิงการบริหารจัดการอีกเช่นกันเนื่องจากบริษัทแม่มีการควบคุมดูแลทิศทางและการดำเนินงานของบริษัทผ่านทางคณะกรรมการของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป

โฮลดิ้งส์ ยิ่งกว่านั้น บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ยังเป็นผู้บริหารจัดการแหล่งเงินทุนและนโยบายการลงทุนของกลุ่มอีกด้วย

สถานะทางธุรกิจในธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ในระดับปานกลาง

สถานะทางธุรกิจในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจตราสารอนุพันธ์ของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทได้มีการสนับสนุนให้บุคลากรที่ให้คำแนะนำด้านการลงทุนปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทซึ่งหันไปสนใจตราสารอนุพันธ์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทยังพัฒนาโปรแกรมซื้อขายเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายมากขึ้นด้วย จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยอยู่ในอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม จากส่วนแบ่งรายได้ที่ระดับ 2.6% ในปี 2561 จากการที่บริษัทดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจจึงทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าแนวโน้มในทางบวกดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่สถานะทางการตลาดในสายงานธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันแต่ยังคงไม่มากนัก ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 2.1% โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.0% ในปี 2561 นอกจากนี้ ส่วนแบ่งรายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ยังคงไม่มากนักด้วยส่วนแบ่ง 2.6% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย 3 ปี

ถึงแม้ว่าสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจะอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แต่ฐานลูกค้าของบริษัทยังคงกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 80% ของมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยในปี 2562 รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทคิดเป็น 58% ของรายได้รวมเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 52%

สัดส่วนของรายได้จากกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยมีกำไรจากเงินลงทุนที่มาจากธุรกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น บล็อคเทรด (Block Trade) อยู่ในสัดส่วนที่มากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทมีกำไรจากเงินลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 14% ของรายได้รวม โดยเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 13%

ฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรอยู่ในระดับที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าฐานทุนและภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ระดับประมาณ 15% โดยเฉลี่ย 4 ปี (2562-2565) ถึงแม้ว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะลดลงมาอยู่ที่ 13.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จาก 28.7% ในปี 2561 จากการลดทุนประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 2562 และจากการขยายธุรกิจ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับฐานทุนและภาระหนี้ให้อยู่ในระดับเพียงพอที่จะรองรับการขาดทุนที่นอกเหนือความคาดหมายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าได้ ทั้งนี้ บริษัทยังสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปให้อยู่ที่ระดับ 25.0% เอาไว้ได้ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ทางการกำหนดที่ระดับ 7% ค่อนข้างมาก

การประเมินสถานะฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทยังได้รับแรงเสริมจากความสามารถในการสร้างผลกำไรในระดับที่เพียงพอด้วย เนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ค่านายหน้าจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของรายได้ของบริษัทในระยะปานกลาง ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับประมาณ 1% ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ได้รับแรงกดดันจากผลขาดทุนจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลขาดทุนดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเนื่องจากบริษัทได้ทำการปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยงให้รัดกุมมากขึ้นเพื่อป้องกันผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอนาคต

ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิเอาไว้ที่ระดับประมาณ 60% ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าจะมีความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการตลาดหรือมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อขยายุรกิจ ทั้งนี้เนื่องจากทริสเรทติ้งเชื่อว่าความสามารถในการสร้างรายได้ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลาง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ 66.0% โดยปรับตัวดีขึ้นจาก 81.9% ในปี 2561 และอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 64.5%

ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงทางด้านเครดิตที่บริหารจัดการได้

บริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีของบริษัทเองเนื่องจากบริษัทมีธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้และหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรบางส่วน แม้จะมีประวัติขาดทุนจากธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ แต่บริษัทก็มีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับที่เพียงเพื่อป้องกันผลขาดทุนจำนวนมากที่เหนือความคาดหมายจากธุรกรรมดังกล่าวโดยจะเห็นได้จากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงของเงินลงทุนในตราสารหนี้ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นหลังจากที่บริษัทประสบผลขาดทุนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563

บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ค่อนข้างระมัดระวัง เช่น นโยบายการวางหลักประกันสำหรับทั้งเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดที่ผันผวนเป็นอย่างมาก โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีต้นทุนทางเครดิตที่ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้วที่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.1% จากผลขาดทุนทางด้านเครดิตจากธุรกรรมบล็อคเทรดในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม 2563

สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลาง

บริษัทมีสถานะแหล่งเงินทุนในระดับปานกลางด้วยอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพที่ระดับประมาณ 73% โดยเฉลี่ย 4 ปี (2562-2565) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 อัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพของบริษัทอยู่ที่ระดับ 62.6% ลดลงจากระดับ 148.3% ในปี 2561 จากการลดทุนประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 2562 และจากขนาดของเงินลงทุนที่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่คือบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในรูปของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวนทั้งสิ้น 940 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562

บริษัทยังมีสถานะสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอด้วยอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องโดยเฉลี่ย 4 ปีที่ระดับประมาณ 1.1 เท่า ทั้งนี้ สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจำนวนทั้งสิ้น 1.8 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินหลายแห่ง

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 มีดังนี้

? ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2%

? อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.08%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นบริษัทหลักของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และจะยังคงมีสัดส่วนกำไรสุทธิและฐานทุนที่คิดเป็นนัยสำคัญต่อกำไรสุทธิและฐานทุนของกลุ่มต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอันดับเครดิตของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือสถานะในการเป็นบริษัทย่อยขอบริษัทที่มีต่อบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นั้นเปลี่ยนแปลงไป

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ