ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้” ที่ “BB-” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 19, 2021 15:03 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคุณภาพโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในระดับดีและประสบการณ์ของบริษัทในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธรรมชาติของธุรกิจโรงแรมที่มีการแข่งขันสูงและมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวก็มีข้อจำกัดจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของบริษัทอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ตลอดจนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง และสภาพคล่องที่ตึงตัว อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถขาย ?โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส? ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (ทรัสต์ฯ) แห่งหนึ่งภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลของทริสเรทติ้งที่มีต่อสภาพคล่องระยะสั้นของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของโอกาสในการฟื้นตัวของบริษัทรวมถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าสถานะเครดิตของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อไปในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

คาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมจะอ่อนตัวต่อไปอีกในปีนี้

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมของบริษัทจะยังคงอ่อนตัวต่อไปในปี 2564 แต่คาดว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2565-2566 โดยหลังจากที่การเดินทางภายในประเทศฟื้นตัวกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 แต่ก็กลับชะลอตัวลงอย่างมากเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด 19 รอบ 2 ซึ่งเริ่มในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 ในขณะเดียวกัน การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะต้องใช้เวลาโดยขึ้นอยู่กับความรวดเร็วและประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในประเทศไทยและในประเทศอื่น ๆ

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาครัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ครั้งใหม่ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งจะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศกลับมาฟื้นตัวได้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการกระจายวัคซีนจะเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เช่นเดิม ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมที่อยู่นอกกรุงเทพฯ ของบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ซึ่งขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงแรมในกรุงเทพฯ จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ในกรณีที่ภาครัฐอาจอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของโรงแรมของบริษัทในปี 2564 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 70% ซึ่งต่ำกว่าปี 2562 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 มาอยู่ที่ระดับประมาณ 30% ซึ่งต่ำกว่าปี 2562 และในปี 2566 ที่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 10% ซึ่งต่ำกว่าปี 2562

โรงแรมของบริษัทได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและตั้งอยู่ในทำเลที่ดี โดยบริษัทมีกลยุทธ์ในการลงทุนในโรงแรมที่อยู่ในทำเลที่ดีและว่าจ้างเครือข่ายโรงแรมระดับสากลให้เป็นผู้บริหารและดำเนินงาน ทั้งนี้ เครือข่ายโรงแรมในระดับสากลมีตราสินค้าที่แข็งแกร่ง มีระบบการบริหารจัดการโรงแรมที่ดี และมีช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ

ยอดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง

ปัจจุบันบริษัทบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทพัฒนาเองจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ?ไฮด์ สุขุมวิท 11? และโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-used) ในจังหวัดระยอง

ยอดขายของโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 ชะลอตัวลงเนื่องจากอุปสงค์ที่อยู่อาศัยจากผู้บริโภคภายในประเทศที่ลดลงและไม่มีผู้ซื้อชาวต่างชาติอันเนื่องมาจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ปี 2560 ณ เดือนธันวาคม 2563 โครงการดังกล่าวมีห้องชุดเหลือขายมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณ 32% ของมูลค่าโครงการ บริษัทมียอดขายเพียง 163 ล้านในปี 2563 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 จะอ่อนตัวในปี 2564 เนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด 19 แต่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาในปี 2565 และในปี 2566 หลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

สำหรับโครงการแบบผสมผสานที่จังหวัดระยองนั้นประกอบไปด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3 ประเภท ได้แก่ วิลล่าสำหรับจำหน่ายจำนวน 61 หลัง โรงแรมขนาด 205 ห้อง 1 แห่ง และคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ โดยคาดว่าต้นทุนในการพัฒนาโครงการจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาทสำหรับวิลล่าและ 2.1 พันล้านบาทสำหรับโรงแรม ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการพัฒนาวิลล่าและมีแผนจะเปิดตัวโครงการในปี 2564 หลังจากนั้นบริษัทจะทำการพัฒนาโรงแรมและคอนโดมิเนียมต่อไปเมื่อการก่อสร้างวิลล่าแล้วเสร็จ

ภายใต้สมมุติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการโอนห้องชุดในโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 และวิลล่าในจังหวัดระยองจะอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาทในปี 2564 และประมาณ 600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งกิจการร่วมค้าจำนวน 2 แห่งเพื่อทำการพัฒนาโครงการคอนมิเนียมอีกจำนวน 2 โครงการในกรุงเทพฯ โดยกิจการร่วมค้าดังกล่าวเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และ Sumitomo Forestry ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจป่าไม้และการก่อสร้างที่พักอาศัยในประเทศญี่ปุ่น โดยโครงการแรกคือ ?ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ? ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทใกล้กับซอยสุขุทวิท 59 นั้นมีมูลค่าโครงการประมาณ 6 พันล้านบาทและอีกโครงการคือ ?ไฮด์ ริเวอร์ เบย์? ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจริญนครบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีมูลค่าโครงการประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทถือหุ้น 40% และ 42% ในแต่ละโครงการตามลำดับ เงินลงทุนในระดับกิจการร่วมค้าสำหรับทั้ง 2 โครงการคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันโครงการ ?ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ? อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ในขณะที่โครงการ ?ไฮด์ ริเวอร์ เบย์? นั้นจะเลื่อนการก่อสร้างออกไปจนกว่าสภาวะทางการตลาดจะปรับตัวดีขึ้น

การลงทุนใหม่ในธุรกิจถุงมือยาง

ในช่วงปลายปี 2563 บริษัทได้ร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการผลิตถุงมือยางในการจัดตั้ง บริษัท แกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ จำกัด เพื่อผลิตสินค้าประเภทถุงมือยาง บริษัทมีการลงทุนประมาณ 150 ล้านบาททั้งในส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นและเงินให้กู้ยืมจากผู้ถือหุ้นในบริษัทแกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ โดยคาดว่าโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ในเดือนพฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ บริษัทแกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ ได้รับคำสั่งผลิตสินค้าล่วงหน้าสำหรับกำลังการผลิตส่วนใหญ่จากลูกค้าแล้ว หากโครงการภายใต้การดำเนินงานของบริษัทแกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ ประสบความสำเร็จก็จะช่วยปรับปรุงผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของธุรกิจใหม่ยังคงต้องติดตามผลต่อไป

หนี้สินอยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะมีผลขาดทุนจำนวนมากในปี 2564

อัตราส่วนหนี้ทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทอยู่ในระดับสูงมากถึง 11.5 เท่าในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดในปี 2564 ซึ่งจะทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายติดลบเล็กน้อย ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566 โดยบริษัทมีแผนจะลงทุนในธุรกิจโรงแรมและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่ารวมที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถขายโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้แก่ทรัสต์ฯ แห่งหนึ่งที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ก่อนที่จะเช่ากลับด้วยสัญญาอายุ 3 ปีในเบื้องต้นโดยสามารถต่อสัญญาเช่าได้ครั้งละ 1 ปีอีก 2 ครั้งซึ่งจะทำให้สัญญาเช่าอาจมีอายุสูงสุดได้ถึง 5 ปี บริษัทมีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อโรงแรมคืนกลับมาจากทรัสต์ฯ หลังจากปีที่ 5 ที่ราคาขายครั้งแรกรวมกับส่วนเพิ่มบางส่วนและยังมีสิทธิในการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวคืนในปีที่ 3 และปีที่ 4 ตามราคาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยธุรกรรมนี้จะช่วยบรรเทาสถานการณ์สภาพคล่องที่ตึงตัวของบริษัทลงแต่จะไม่ช่วยให้ภาระหนี้ของบริษัทลดลงตามการคำนวณของทริสเรทติ้งเนื่องจากเป็นภาระผูกพันในอนาคต ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 13 เท่าในปี 2565 และที่ระดับ 10 เท่าในปี 2566

เงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินกำหนดให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อทุนให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 2.50 เท่า แต่ผลการดำเนินงานทางการเงินที่อ่อนแอส่งผลทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวได้ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับการผ่อนปรนในกรณีดังกล่าวจากผู้ให้สินเชื่อแล้ว

สภาพคล่องตึงตัว

บริษัทมีสภาพคล่องที่ยังคงตึงตัวเป็นอย่างมาก โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 695 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารจำนวน 929 ล้านบาทอีกด้วย ในขณะที่เงินที่คาดว่าจะได้จากการขายโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส ให้แก่ทรัสต์ฯ จะอยู่ที่ระหว่าง 4 พันล้านบาทถึง 4.5 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวคาดว่าจะเพียงพอต่อการใช้เงินทุนของบริษัทในช่วงเวลา 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในระยะ 12 เดือนข้างหน้าประกอบไปด้วยหนี้ระยะยาวจำนวน 3.4 พันล้านบาทและหนี้ระยะสั้นจำนวน 30 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าในปี 2564 บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ใช้จ่ายออกไปสุทธิที่ประมาณ 760 ล้านบาทและมีแผนการลงทุนที่ประมาณ 150 ล้านบาท ในการนี้ บริษัทอาจจะประสบปัญหาในการหาแหล่งเงินทุนใหม่มาชำระคืนหนี้เก่าหากบริษัทไม่สามารถขายโรงแรมให้แก่ทรัสต์ฯ เพื่อให้มีเงินเพียงพอที่จะชำระภาระหนี้ทางการเงินได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากธุรกิจโรงแรมจะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาทในปี 2564 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 1.7 พันล้านบาทถึง 2.3 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2566

? รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2564 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566

? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ -7% ในปี 2564 และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 34% ในปี 2565 และปี 2566

? เงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาทในช่วงประมาณการ 3 ปี

? บริษัทจะสามารถขายโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส ให้แก่ทรัสต์ฯ ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อสถานะเครดิตของบริษัทที่จะยังคงได้รับแรงกดดันต่อไปในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยที่การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงไม่มีความแน่นอนและยอดขายที่อ่อนตัวเป็นเวลานานในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบริษัทยังเป็นประเด็นกังวลของทริสเรทติ้งที่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? หากบริษัทสามารถปรับปรุงสถานะสภาพคล่องให้ดีขึ้นและทริสเรทติ้งเห็นความชัดเจนในการฟื้นตัวของการดำเนินงานของบริษัทหลังจากที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในวงกว้างได้ในขณะที่ข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศได้รับการผ่อนปรน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ตามที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ หรือหากบริษัทไม่สามารถจัดการความเสี่ยงในการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนได้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (GRAND)

อันดับเครดิตองค์กร: BB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ