ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “Hattha Bank” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 30, 2021 14:50 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ Hattha Bank PLC (Hattha Bank หรือ ?ธนาคาร?) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตประเทศของประเทศกัมพูชา (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?BBB+/Stable? จากทริสเรทติ้ง*) ในขณะที่อันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารหลังจากปรับเพิ่มด้วยการมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AAA/Stable? จากทริสเรทติ้ง) แล้วนั้นก็ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ ?A-? จากเดิมที่ระดับ ?BBB+?

อันดับเครดิตเฉพาะสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ Hattha Bank ในกลุ่มสินเชื่อลูกค้ารายย่อย ตลอดจนการมีเงินกองทุนที่อยู่ในระดับเพียงพอ และการบริหารความเสี่ยงที่มีความรอบคอบ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารก็มีข้อจำกัดจากการมีขนาดของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ค่อนข้างเล็กและความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ สถานะของ Hattha Bank ในกลุ่มธุรกิจเกิดจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั้งในด้านธุรกิจและการเงิน เนื่องจากการถือหุ้นใน Hattha Bank ที่สัดส่วน 100% ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบทบาทที่สำคัญของ Hattha Bank ในฐานะที่มีหน้าที่เป็นธนาคารลูกในระดับภูมิภาคของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะของ Hattha Bank ในกลุ่มธุรกิจจะยังคงสภาพเช่นเดิมในระยะยาว

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ทริสเรทติ้งจัดให้ Hattha Bank เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยามีข้อผูกพันในการให้การสนับสนุนแก่ Hattha Bank ในระยะยาว ซึ่งธนาคารมีธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดและธนาคารยังทำหน้าที่เติมเต็มแผนเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคและแสวงหาโอกาสในการเติบโตในประเทศกัมพูชาอีกด้วย

กลยุทธ์และการดำเนินงานของ Hattha Bank อยู่ภายใต้การให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะกรรมการของธนาคาร โดยคณะกรรมการจำนวน 5 คนจากทั้งหมด 8 คนซึ่งรวมถึงประธานกรรมการนั้นเป็นตัวแทนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้ กรอบการบริหารความเสี่ยงของธนาคารส่วนใหญ่สอดคล้องกับของธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งทริสเรทติ้งมองว่ามีความรอบคอบและช่วยยกระดับมาตรฐานการควบคุมความเสี่ยงให้สูงกว่าข้อกำหนดของประเทศกัมพูชา

ธนาคารยังได้รับความช่วยเหลือทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาอีกด้วยโดยเห็นได้จากการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกรุงศรีอยุธยาผ่านการให้วงเงินสินเชื่อและการเพิ่มทุนเพื่อสนับสนุนการขยายสินเชื่อของ Hattha Bank สำหรับการสนันสนุนด้านธุรกิจนั้น นอกเหนือจากการให้ความรู้ในด้านผลิตภัณฑ์และความรู้เฉพาะด้านจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาแล้ว ธนาคารทั้งสองยังมีความร่วมมือกันในการเสนอบริการและสินค้าในกลุ่มให้แก่ลูกค้าของตนเองอีกด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการสนับสนุนและความร่วมมือกันดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในระยะยาว

คาดว่าการกระจายตัวของธุรกิจและการขยายตัวของสินเชื่อจะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ภายหลังจากได้รับการยกระดับสถานะมาเป็นธนาคารพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2563 จากเดิมที่เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่รับฝากเงินได้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Hattha Bank เนื่องจากธนาคารจะมีขอบเขตการดำเนินธุรกิจที่กว้างยิ่งขึ้นภายใต้ใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นถึงปานกลางนี้การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจของธนาคารอาจมีขอบเขตที่จำกัดเนื่องจาก Hattha Bank ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Hattha Bank คือในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า ธนาคารจะสามารถให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่กว้างขวางยิ่งขึ้นซึ่งประกอบด้วยบัญชีกระแสรายวัน บริการทางการเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นายหน้าประกัน และบัตรเดบิต/เครดิต ส่วนในด้านบริการสินเชื่อนั้น ธนาคารยังสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้ด้วยอัตราที่เร็วขึ้นอันเป็นผลจากการขยายหลักเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit) ให้อยู่ที่ระดับ 20%-35% ของส่วนของผู้ถือหุ้นจากระดับ 2% ของส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ 3% สำหรับกลุ่มลูกหนี้ ในขณะที่กรอบการรับเงินฝากต่อบัญชีที่ 3% ของส่วนของผู้ถือหุ้น ก็ได้รับการยกเว้นด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ Hattha Bank สามารถรุกเข้าสู่กลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่นอกเหนือจากลูกค้ารายย่อยและลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็กที่ธนาคารให้บริการอยู่ในปัจจุบัน

ตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่มลูกค้ารายย่อยแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งประเมินว่าตำแหน่งทางธุรกิจของ Hattha Bank โดยรวมนั้นอยู่ในระดับปานกลางซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงของธุรกิจในระดับปานกลาง แต่มีการกระจายตัวของธุรกิจน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มธนาคาร โดยความมั่นคงของธุรกิจมีปัจจัยสนับสนุนจากตำแหน่งทางการตลาดที่ดีของธนาคาร ทั้งนี้ Hattha Bank เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ในประเทศกัมพูชาและมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1,575 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2563 โดย ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้านสินเชื่ออยู่ที่ 4.3% และด้านเงินฝากที่ 2.4% ในบรรดาธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในประเทศกัมพูชา ส่วนในกลุ่มลูกค้ารายย่อยนั้น ธนาคารเป็นผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่อันดับที่ 3 ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยของธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่รับฝากเงินได้ในประเทศกัมพูชา โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 8.1% ณ สิ้นปี 2562 จากการมีเครือข่ายและพนักงานขายที่กว้างขวาง ณ สิ้นปี 2562 Hattha Bank มีสาขา 177 แห่งทั่วประเทศซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศกัมพูชาในบรรดาธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจให้บริการสินเชื่อของ Hattha Bank ยังมีการกระจายตัวน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งเนื่องจากธนาคารเพิ่งได้รับการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารจะเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อไปสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารให้บริการสินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 53.4% ของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง

ทริสเรทติ้งมองว่าสัดส่วนรายได้ของ Hattha Bank มีการกระจายตัวน้อยกว่าด้วยเช่นกันเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งภายในประเทศ โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income -- NII) ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักซึ่งคิดเป็น 95.5% ของรายได้ทั้งหมดของธนาคารในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งสอดคล้องกับแผนของธนาคารในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายมากขึ้นในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า

สถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับเพียงพอและมีความสามารถในการสร้างผลกำไรอยู่ในระดับปานกลาง

ทริสเรทติ้งคาดว่า Hattha Bank จะรักษาสถานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เพียงพอเพื่อรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ระดับ 17.77% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของทางการที่ 15% ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังมีข้อผูกพันที่จะให้การสนับสนุนด้านเงินกองทุนของธนาคารและการขยายธุรกิจในยามที่จำเป็น โดยที่ทริสเรทติ้งยังวัดความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารจากอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมอีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 15.9%-16.8% ในช่วงปี 2564-2566 โดยตัวเลขดังกล่าวได้รวมมุมมองของทริสเรทติ้งที่ธนาคารจะขยายพอร์ตสินเชื่อที่ระดับ 20% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ด้วย ซึ่งอัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่ชะลอลงจากค่าเฉลี่ย 32.4% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน การประเมินของทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงเงินกองทุนที่มีคุณภาพสูงของธนาคารโดย 89.9% ของเงินกองทุนอยู่ในรูปของส่วนของผู้ถือหุ้นอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรของ Hattha Bank จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2564 หลังจากลดลง 20% ในปี 2563 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคาร (Return on Average Assets -- ROAA) อยู่ที่ระดับ 1.83% ในปี 2563 ลดลงจาก 2.98% ในปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจหดตัวจากการระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของของธนาคารจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในช่วง 2.3%-2.7% ในปี 2565-2566 โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin -- NIM) ที่ดีขึ้นและต้นทุนทางเครดิตที่ลดลง แรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารในปี 2563 เกิดจากการลดอัตราดอกเบี้ยของเงินที่ปล่อยกู้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะเริ่มผ่อนคลายลงเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารจะค่อย ๆ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการได้รับการยกระดับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนเงินทุนที่คาดว่าจะลดลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าต้นทุนทางเครดิตของธนาคารจะค่อย ๆ ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.8%-1.5% ในปี 2564-2566 จากระดับ 1.7% ในปี 2563 โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดในปีหน้า

การบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านคุณภาพของสินทรัพย์

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า Hattha Bank มีการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบและมีแนวปฎิบัติในการให้สินเชื่อที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากธนาคารแม่เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นปี 2563 สถานการณ์โรคโควิด 19 ได้ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Loans -- NPL) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.4% จากระดับ 0.3% ณ สิ้นปี 2562 ในขณะเดียวกัน ธนาคารก็มีสินเชื่อประมาณ 10% ของสินเชื่อทั้งหมดอยู่ภายใต้โครงการช่วยเหลือลูกหนี้ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางหลังจากสิ้นสุดโครงการบรรเทาหนี้ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะอยู่ในช่วง 1.9%-2.3% ในระหว่างปี 2564-2566 ทั้งนี้ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารที่ระดับ 131.3% ณ สิ้นปี 2563 นั้นยังคงอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งภายในประเทศซึ่งอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 60%-70%

สถานะเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้

สถานะเงินทุนของ Hattha Bank อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เงินฝากจากลูกค้าของธนาคารมีสัดส่วนคิดเป็น 62.9% ของเงินทุนทั้งหมด ณ สิ้นปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารที่ 163.2% นั้นอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 96.3% ณ สิ้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารจะค่อย ๆ ปรับลดลงในระยะปานกลางเนื่องจากธนาคารมีความสามารถในการระดมเงินฝากที่แข็งแกร่งขึ้นจากการที่อัตราส่วนบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์ (Current Accounts and Saving Accounts -- CASA) ของธนาคารมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า การเพิ่มขึ้นนี้อาจได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของบัญชีออมทรัพย์ยืดหยุ่นดอกเบี้ยสูง (High-Yielding Savings Accounts -- HYSA) ของธนาคารซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีต้นแบบมาจากจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เปิดตัวในประเทศกัมพูชาในปี 2561 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2563 บัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วน 19.4% ของเงินฝากทั้งหมดของธนาคาร

ทริสเรทติ้งประเมินว่า Hattha Bank จะมีสถานะสภาพคล่องที่อยู่ในระดับเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ถึงแม้ว่าสินทรัพย์สภาพคล่องซึ่งประกอบด้วยเงินสด เงินฝากกับธนาคารอื่น ๆ และหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 13.6% ของสินทรัพย์รวมและคิดเป็น 29.2% ของเงินฝากระยะสั้น ณ สิ้นปี 2563 แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าวงเงินสินเชื่อที่ได้จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะช่วยให้ Hattha Bank มีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอ

ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการธนาคารพาณิชย์ยังคงอยู่ในระดับสูง

อันดับเครดิตเฉพาะของ Hattha Bank ได้รวมการประเมินความเสี่ยงของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชาและความเสี่ยงของประเทศกัมพูชาของทริสเรทติ้งเข้าไว้ด้วย ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ากรอบการกำกับดูแลธนาคารในประเทศกัมพูชาอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากขึ้น ทริสเรทติ้งเชื่อว่าอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์โดยรวมในประเทศกัมพูชามีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นภายหลังการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 20% ต่อปีอย่างต่อเนื่องและมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่ผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อในประเทศกัมพูชาลดลงเหลือ 15% ในปี 2563 แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับธนาคารในภูมิภาคเดียวกันซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับปานกลางโดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 10 อันดับแรกอยู่ที่ระดับ 2.3% ในปี 2562 อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมธนาคารที่แบ่งเป็นส่วนย่อย ๆ และการมีผู้ประกอบการจำนวนมาก ส่วนในด้านเงินทุนและสภาพคล่องนั้น ทริสเรทติ้งมองว่าสถานะเงินทุนในระบบค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ตาม จากการที่สัดส่วนเงินฝากจากลูกค้าที่อยู่ในระดับประมาณ 75%-80% ของเงินทุนทั้งหมดของระบบธนาคาร ณ สิ้นปี 2562 นั้นทำให้ความเสี่ยงของการไหลออกของเงินฝากในภาวะวิกฤตยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการไม่มีการคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายในประเทศกัมพูชา ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอาจเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสถาบันการเงินมีทางเลือกในการระดมทุนที่จำกัดในสถานการณ์ที่พัฒนาการของตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศของกัมพูชายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

อันดับเครดิตประเทศของประเทศกัมพูชา

อันดับเครดิตประเทศของประเทศกัมพูชาที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับไว้ที่ระดับ ?BBB+? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? เป็นการถ่วงดุลย์ระหว่างแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจกัมพูชาและเสถียรภาพทางการเมืองที่เปรียบเทียบกับความเสี่ยงสำคัญ ๆ ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศกัมพูชาน่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงอยู่และมาตรการยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าทุกประเภทยกเว้นอาวุธยุทโธปกรณ์ (Everything-But-Arms -- EBA) ของสหภาพยุโรปที่มีมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ได้ ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าประเทศกัมพูชาสามารถบริหารจัดการความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศได้เป็นอย่างดีโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี อีกทั้งยังมีหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับปานกลาง และมีการขยายกลุ่มแรงงานวัยหนุ่มสาวที่กว้างขวางยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้ประเทศกัมพูชายังคงเป็นจุดหมายปลายทางของการลงทุนจากต่างประเทศที่น่าดึงดูดใจต่อไป

ในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งคาดว่าประเทศกัมพูชาจะยังคงพึ่งพาการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ตลอดจนการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และการลงทุนทางตรงจากต่างชาติที่ค่อนข้างมากเพื่อที่จะรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ ซึ่งการพึ่งพาปัจจัยจากภายนอกที่สูงเช่นนี้ย่อมนำไปสู่ความอ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก การใช้ระบบสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในระดับสูงถึง 80%-90% เป็นข้อจำกัดที่ทำให้ประสิทธิภาพของนโยบายด้านการเงินของประเทศลดลง ในขณะเดียวกัน สินเชื่อภาคเอกชนที่สูงเกือบถึงระดับ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product -- GDP) ณ สิ้นปี 2562 ก็ทำให้ประเทศมีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน ในขณะที่รายได้ประชากรต่อหัวที่อยู่ในระดับต่ำของประเทศกัมพูชายังบ่งบอกถึงสถานะทางด้านการเงินในระดับครัวเรือนที่จะสามารถทนต่อผลกระทบด้านลบของระบบเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างจำกัดอีกด้วย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์สำหรับการดำเนินงานของ Hattha Bank ในระหว่างปี 2564-2566 เป็นดังนี้

? อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: 20% ต่อปี

? อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิต: 6.3%-7.3%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวม: 50%-55%

? อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวม: 1.9%-2.3%

? ต้นทุนทางเครดิต: ประมาณ 0.8%-1.5%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า Hattha Bank จะมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้าต่อไปและยังสะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอันดับเครดิตของ Hattha Bank ถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตประเทศของประเทศกัมพูชา ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศจะส่งผลให้แนวโน้มอันดับเครดิตของ Hattha Bank เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตประเทศของประเทศกัมพูชาและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตจะส่งผลให้มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ Hattha Bank เนื่องจากปัจจุบันอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของประเทศกัมพูชา ซึ่งกรณีดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นในระยะใกล้ถึงระยะปานกลาง ในขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางธุรกิจของธนาคารมีพัฒนาการที่มีนัยสำคัญซึ่งมีข้อบ่งชี้จากการที่ธนาคารมีตำแหน่งทางการตลาดที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีการกระจายตัวของธุรกิจและรายได้โดยสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน

การปรับลดอันดับเครดิตประเทศกัมพูชาและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจจะส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตของ Hattha Bank ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารปรับลดลง 2 ขั้นหรือมากกว่าหรือมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของ Hattha Bank ที่มีนัยสำคัญต่อกลุ่มซึ่งนำไปสู่การลดระดับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตก็อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของ Hattha Bank ด้วย

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- Banks Rating Methodology, 3 มีนาคม 2563

Hattha Bank PLC

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ